31.10.08

เรื่องของกาแฟ

เรื่องของกาแฟ

สำหรับคอกาแฟทั้งหลายคนต่างสงสัยกันมั๊ยว่า เรากินกาแฟไปทำใมกัน กินแล้วมีประโยชน์บ้างหรือเปล่า หรือว่ากินไปงั้นๆแหละ หรือว่ากินจนติดเป็นนิสัย หากวันไหนไม่ได้กินจะนอนไม่หลับ ฮ่าๆๆๆๆม่ว่าจะมีเหตุผลใดๆก็ตาม กาแฟก็ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอยู่

หลายคนรู้ดีว่าไม่ควรดื่มกาแฟร้อนมากนัก เพราะกาเฟอีนจะไม่มีผลดีต่อสุขภาพมากนักเราก็เลยหันไปสั่งกาแฟเย็นแทน เพราะเห็นว่ามีนม และ น้ำตาลเพิ่มความหวานทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นวึ่งแน่นอนเราสามารถดื่มได้ แต่ไม่ควรจะดื่มทุกวัน เพราะแค่กาแฟเย็นเพียงแก้วเดียวแคลอรีจากแก้วนั้นจะอยู่กับคุณไปอีกนาน และ ยากจะเผาผลาญให้ย่อยสลายได้กาแฟเย็นขนาด 916 ออนซ์ มีไขมันถึง 3 กรัม บางชนิดมีถึง 22 กรัม และ จะมีแคลอรี 240-350ส่วนแตกต่างขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำตาล และ นม ที่อยู่ในสูตรของกาแฟเหล่านี้ดังนั้นถ้าคุณดื่มกาแฟเย็นเพียงแก้วเดียว แต่คุณจะต้องไปว่ายน้ำประมาณ 25 หลาต่อ 1 นาที นานถึง 1 ชม.ถึงจะเผาผลาญให้หมด ต่อการกินเพียง 5 นาที

เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว คุณยังจะดื่มกาแฟเย็นทุกบ่าย ก็ไม่ว่ากันกาแฟ ป้องกันโรคอัมพาตแบบสั่น หรือ พาร์คินสัน ได้รายงานเรื่องการศึกษาผลกระทบของการดื่มกาแฟ ที่เผยแพร่ในวารสารแพทยสมาคมอเมริกันล่าสุดบอกว่าารดื่มกาแฟวันละ 2 - 3 ถ้วย จะช่วยป้องกันมิให้เกิดโรคอัมพาตแบบสั่น หรือ พาร์คินสันได้การวิจัยครั้งนี้

กระทำโดยคระวิจัยของสนง.ทหารผ่านศึก ที่โฮโนลูลู รัฐฮาวาย ของสหรัฐอเมริกาดยศึกษาจากผู้ชายมากกว่า 1000 คนทั้งเอเซีย และ ยุโรปรายละเอียดมีอยู่ว่า คนที่ดื่มกาแฟถ้วยขนาด 180 ซีซี วันละ 4 - 5 ถ้วยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองฝ่อ น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มเลย ถึง 5 เท่าการเกิดโรคอัมพาตแบบพาร์คินสันนี้ เชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการที่ร่างกาย ขาดสารโดพามีนซึ่งเป็นสารที่มีผลต่อระบบ การติดต่อสสื่อสารของประสาท เมื่อร่างกายไม่ผลิตสารนี้ออกมาก็จะทำให้เกิดอาการของโรค

ในระยะแรกเริ่มจากมือสั่นแบบน้อยๆก่อน แล้วจะลามไปสู่ระบบประสาทส่วนอื่นๆจนถึงการพูดก็จะลำบากขึ้น มีอาการปากเบี้ยวและ การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติคุณจำ ไมเคิล เจ ฟ็อกซ์ ใน ภาพยนต์เรื่อง " แบคทูเดอะฟิวเจอร์ " ได้มั้ยหนุ่มคนนี้ถูกโรคนี้ทำร้ายแม้ว่าเค้าจะอายุเพียง 30 ปีเท่านั้นเอง

30.10.08

ทายนิสัยคนจากรสกาแฟ

ทายนิสัยคนจากรสกาแฟ

รสนิยมในการกินนั้นแต่ละคนมักจะชอบไปคนละแบบ เป็นสไตล์ของตนเองบางคนชอบกินเปรี้ยว แต่บางคนกินเปรี้ยวไม่ได้ บางคนชอบหวาน บางคนชอบรสขม ก็เป็นรสนิยมในการกินของแต่ละท่านแต่ละบุคคลไปวันนี้ได้อ่านเจอบทความเกี่ยวกับการทายนิสัยจากรสกาแฟ ว่าแต่ละรสนั้นหมายถึงนิสัยเป็นอย่างไร มาลองอ่านดูกันดีกว่า

ชอบกาแฟขมๆ คนที่ชอบกาแฟรสเข้มจัดนั้นมักจะเป็นคนเอาการเอางานช่างคิดช่างวางแผนมีหัวทางธุรกิจ และชอบการทำงานที่ท้าทาย แต่ก็มักเป็นคนที่มีความเครียดเสมอๆเพราะเฝ้าครุ่นคิดแต่หนทางที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองหวัง


ชอบกาแฟรสชาติหวานมัน คนที่ชอบกาแฟรสชาติเข้มข้น ทั้งหวานและมันถึงใจแสดงว่าเป็นคนที่เปิดเผย ใจกว้าง ชอบความสนุกสนานในชีวิตเป็นคนร่าเริง ช่างกระเซ้าเย้าแหย่ นอกจากนั้นยังเป็นคนรักความยุติธรรม ไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบและจะรักษาสิทธิขิงตัวเองเสมอ

ชอบกาแฟที่กลิ่นหอมแรง ส่วนคนที่ชอบการแฟที่มีกลิ่นหอมแรงๆเข้มข้นแสดงว่าเป็นคนที่ช่างเลือก ชอบแต่สิ่งที่ดีที่สุด มักพิถีพิถันต่อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เป็นคนรักเพื่อนมีทัศนะที่ชัดเจนต่อสิ่งต่างๆและชอบการอยู่ในสังคมที่มีแต่คนทัศนะตรงกัน

ชอบกาแฟรสอ่อนๆ คนที่ชอบกาแฟรสชาติอ่อนๆ ขอให้มีกลิ่นกาแฟก็เป็นอันใช้ได้นั้น แสดงว่าเป็นคนที่ชอบความสงบสนใจสุขภาพ ชอบความสะอาด และความปลอดโปร่งสบายกายสบายใจ นอกจากนั้น ยังเป็นคนเคารพความเห็นของผู้อื่น ไม่ชอบโต้แย้งกับใครโดยไม่จำเป็น

ชอบกาแฟหวานจัด คนที่ชอบกาแฟหวานมากๆเรียกว่าหวานนำรสอื่นๆมาเลยนั้น แสดงว่าเป็นคนที่มีอารมณ์เปราะบาง ปรวนแปรง่าย เป็นคนที่มักจะมีความใฝ่ฝันเกี่ยวกับชีวิตตัวเองที่เป็นอยู่ อยากมีชีวิตที่ดียิ่งๆขึ้นไปอีกอยากเป็นคนพิเศษของใครซักคน

ชอบกาแฟรสกลมกล่อม ส่วนคนที่ชอบกาแฟรสชาติพอดีๆ ไม่หวานเกินไปไม่มันเกินไป แสดงว่าเป็นคนที่ชอบชีวิที่ลงตัว มีความพอดีในจิตใจ ไม่ชอบการแก่งแย่งแข่งขัน ไม่ชอบการต่อสู้เพื่อให้รู้ผลแพ้ชนะชนะ มักเป็นคนดูแลสุขภาพให้ความสนใจเรื่องการเรียน การศึกษา ชอบการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม

ชอบกาแฟร้อนๆ ส่วนคนที่ชอบกาแฟร้อนๆนั้น มักเป็นคนที่หาความสุขได้อย่างง่ายๆ ชอบความมีชีวิตชีวากระฉับกระเฉง เป็นคนตื่นตัวเร็วและปรับตัวเก่งสามารถนำเอาประสบการณ์ต่างๆของตัวเองมาปรับใช้และให้ข้อคิดที่ดีกับคนอื่นๆ

ชอบดื่มกาแฟเย็นส่วนคนที่ไม่ชอบกาแฟร้อนๆอุ่นๆ แต่ชอบกาแฟเย็นเจี๊ยบชื่นใจ แสดงว่าเป็นคนชอบการมีเพื่อนเยอะๆชอบการได้พักผ่อน ผ่อนคลาย เมื่อเวลาทำงานก็ทำงานก็ตั้งใจทุ่มเท แต่พอเวลาพักก็หาความสุขให้กับตัวเองอย่างเต็มที่ เป็นคนร่าเริงเช่นกัน ใครอยู่ใกล้ก็มักเบิกบานไปด้วยแล้ว

คุณละ ชอบรสไหนเป็นพิเศษ

29.10.08

กาแฟโบราณ ม็อคคา

กาแฟม็อคคา (Coffee Mocha)

ส่วนผสม

1. กาแฟดำร้อน 2/3 ถ้วย

2. นมสดร้อนผสมช็อกโกแลต 1/3 ถ้วย

3. ผงช็อกโกแลตพอประมาณ

4. ช็อกโกแลตไซรป หรือน้ำเชื่อมรสช็อกโกแลต

5. ขนาดถ้วย 4-6 ออนซ์วิธีชง ผสมน้ำเชื่อมในกาแฟร้อน อุ่นนมสดให้ร้อนพอประมาณ แล้วใช้เครื่องตีนมให้ขึ้นฟอง เทนมร้อนลงไปในถ้วยกาแฟใช้ช้อนกันไว้อย่าให้ฟองนม ปนลงไปในขณะเท ปิดหน้าด้วยฟองนม และโรยหน้าด้วยผงช็อกโกแลต


กาแฟไอริช (Irish Coffee)

ส่วนผสม

1. ไอริชวิสกี้ 1-2 ออนซ์

2. น้ำตาล 1-2 ช้อนชา

3. เอสเปรสโซ 1.5-2 ออนซ์4. วิปครีม 0.5 ช้อนโต๊ะ5. ขนาดถ้วย 4-6 ออนซ์วิธีชง อุ่นถ้วยให้ร้อนด้วยน้ำร้อน เอาไอริชวิสกี้และน้ำตาลเทลงไปในถ้วย เทกาแฟเอสเปรสโซลงไป และคนให้น้ำตาลละลายเข้ากัน ตักครีมโรยหน้ายกเสิร์ฟ


กาแฟโบราณ

ส่วนผสม

1. กาแฟชนิดกากพอประมาณ

2. นมข้น 2 ช้อนโต๊ะ

3. นมสดจืด 2 ช้อนโต๊ะ

4. น้ำครึ่งแก้ววิธีชง นำกาแฟชนิดกาก ใส่น้ำร้อนกรองเอาแต่น้ำ เทนมข้นและนมสดใส่น้ำครึ่งแก้ว

28.10.08

กาแฟโบราณ ม็อคคา

กาแฟม็อคคา (Coffee Mocha)
ส่วนผสม
1. กาแฟดำร้อน 2/3 ถ้วย
2. นมสดร้อนผสมช็อกโกแลต 1/3 ถ้วย
3. ผงช็อกโกแลตพอประมาณ
4. ช็อกโกแลตไซรป หรือน้ำเชื่อมรสช็อกโกแลต
5. ขนาดถ้วย 4-6 ออนซ์วิธีชง ผสมน้ำเชื่อมในกาแฟร้อน อุ่นนมสดให้ร้อนพอประมาณ แล้วใช้เครื่องตีนมให้ขึ้นฟอง เทนมร้อนลงไปในถ้วยกาแฟใช้ช้อนกันไว้อย่าให้ฟองนม ปนลงไปในขณะเท ปิดหน้าด้วยฟองนม และโรยหน้าด้วยผงช็อกโกแลต

กาแฟไอริช (Irish Coffee)
ส่วนผสม
1. ไอริชวิสกี้ 1-2 ออนซ์
2. น้ำตาล 1-2 ช้อนชา
3. เอสเปรสโซ 1.5-2 ออนซ์4. วิปครีม 0.5 ช้อนโต๊ะ5. ขนาดถ้วย 4-6 ออนซ์วิธีชง อุ่นถ้วยให้ร้อนด้วยน้ำร้อน เอาไอริชวิสกี้และน้ำตาลเทลงไปในถ้วย เทกาแฟเอสเปรสโซลงไป และคนให้น้ำตาลละลายเข้ากัน ตักครีมโรยหน้ายกเสิร์ฟ

กาแฟโบราณ
ส่วนผสม
1. กาแฟชนิดกากพอประมาณ
2. นมข้น 2 ช้อนโต๊ะ
3. นมสดจืด 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำครึ่งแก้ววิธีชง นำกาแฟชนิดกาก ใส่น้ำร้อนกรองเอาแต่น้ำ เทนมข้นและนมสดใส่น้ำครึ่งแก้ว

27.10.08

กาแฟแนะนำ

กาแฟเอสเปรสโซ (Espresso)
ส่วนผสม
1. กาแฟคั่วบดแบบละเอียดที่สุด 6-7 กรัม
2. เวลาที่น้ำร้อนไหลผ่านเครื่อง 8-12 วินาที
3. ปริมาณกาแฟ 1-1.5 ออนซ์4. ขนาดถ้วย 2-3 ออนซ์วิธีชง ใส่กาแฟบดลงไปในภาชนะ และเมื่อกาแฟหลออกมาตามปริมาณที่ต้องการ ให้ยกออกหรือให้เครื่องหยุดทำงานทันที ปริมาณกาแฟที่ได้จะอยู่ที่1/2ถ้วย หรือประมาณ 1-1.5 ออนซ์ ไม่ให้เกินกว่านี้ และมีฟองสีทองประมาณ 1 ช้อนชาลอยอยู่ข้างบน เมื่อชงเสร็จจะต้องเสิร์ฟทันที

กาแฟคาปูชิโน (Cappuccino)
ส่วนผสม
1. กาแฟบดละเอียด
2. นมสด 100%
3. น้ำตาลหรือน้ำเชื่อม
4. ผงช็อกโกแลตหรือผงอบเชย
5. ขนาดถ้วย 4-6 ออนซ์วิธีชง ชงกาแฟ 2/3ถ้วย เทนมสดใส่ถ้วยปนะมาณ 3 ออนซ์ นำไปอุ่นให้ร้อนพอสมควรประมาณ 60'c นำเครื่องทำฟองตีนมให้เกิดฟองใช้เวลาประมาณ 8-10 วินาที แลใช้ช้อนตักฟองนมโรยหน้ากาแฟให้ถึงขอบแก้ว และโรยด้วยผงช็อกโกแลตหรือผงอบเชย ยกเสิร์ฟพร้อมน้ำตาล

26.10.08

ผลวิจัยชี้ พริก กาแฟ พริกไทย ...ลดไขมัน

ผลวิจัยชี้ พริก กาแฟ พริกไทย ...ลดไขมัน

การใช้ สารสกัดจากธรรมชาติ ในรูปอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ทาภายนอกร่างกายให้ รูปร่างได้สัดส่วน ขณะนี้กำลังได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มหญิง ชาย ที่ต้องการ ลดไขมันส่วนเกิน และ...เพื่อให้เป็นอีกทางเลือก ภญ.รศ.ดร. อรัญญา มโนสร้อย และ ภก.ศ.ดร.จีรเดช มโนสร้อย พร้อมด้วย นศ.ภ.จามร รุ่งโรจน์นวกุล และ นศ.ภ.ศุภลักษณ์ นันตา นักศึกษาปริญญาตรีผู้ช่วยวิจัย สายวิชาวิทยาศาสตร์เภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงคิดค้นพัฒนา ตำรับสมุนไพรเพื่อลดสัดส่วนในรูปแบบเจลใช้ทา ขึ้น โดยได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการ IRPUS ปี พ.ศ. 2550 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
ภญ.รศ.ดร.อรัญญา หนึ่งในทีมวิจัยบอกว่า สมุนไพรที่นำมาใช้ได้แก่ พริก บริเวณส่วน “รก” ที่มีเมล็ดติดอยู่จะมีสาร capsaicin ทำให้เผ็ด ส่งผลให้ร่างกายขับเหงื่อ กำจัดสารพิษออกอันเป็นการลดน้ำหนัก น้ำมันจาก พริกไทย ซึ่งเป็นสารประเภท monoterpenes ร้อยละ 60-80 sesquiterpenes ร้อยละ 20-40 ที่สำคัญได้แก่ limonene, caryophyllene และ pinene

นอกจากนี้ โอลิโอเรซิน ในพริกไทย หากนำมาสกัดด้วยตัวทำละลาย จะได้สารประเภท อัลคาลอยด์ ที่สำคัญคือ piperine piperidine และ piperanine มีสรรพคุณใช้เป็นยาขับลม ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ฯลฯ ส่วนคาเฟอีนใน กาแฟ ที่นอกจากจะช่วย กระตุ้นหัวใจ และ ระบบประสาทส่วนกลาง อย่างอ่อน ยังมีฤทธิ์ในการเพิ่ม fat oxidation และ mobilize fat

จากสรรพคุณดังกล่าว จึงน่าจะมีผลช่วยลดไขมันส่วนเกิน ทีมวิจัยจึงทำการสกัดด้วยวิธี continuous extraction, soxhlets extraction และ liquid-liquid extraction ตามลำดับ แล้วจัดทำ specification ของสารสกัดที่ได้ศึกษาความคงตัว พบว่า มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ทำให้เกิดปัญหาการดูดซึมไม่สามารถสารออกฤทธิ์ผ่านไปยังเซลล์ไขมัน

ดังนั้น จึงพัฒนาตำรับเจลที่เก็บกัก ในรูปของ “อนุภาคขนาดนาโน นีโอโซม” (อนุภาคขนาดเล็กระดับนาโนเมตร) ซึ่งมีส่วนประกอบของสารลดแรงตึงผิวชนิดไม่มีประจุ เช่น Tween และ Span ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารสกัดฯเข้าสู่ผิว ทำหน้าที่ช่วยออกฤทธิ์ที่เซลล์ไขมันได้ตามต้องการ อีกทั้งเป็นตัวพาสารเข้าชั้นผิวหนังได้ลึกและเพิ่มความคงตัว

จากนั้นนำมาผสมในเจลเบส จะได้เจลที่มีลักษณะสีส้มขุ่น มีกลิ่นของสมุนไพร นำมาศึกษาลักษณะความคงตัวทางเคมีและกายภาพที่อุณหภูมิ 4 ํC 25 ํC และ 45 ํC เป็นเวลา 30 วัน พบว่าตำรับเจลที่เก็บไว้ที่อุณหภูมิ 25 ํC และ 45 ํC มีสีที่จางลงเมื่อเทียบกับตำรับที่เก็บไว้ที่อุณหภูมิ 4 ํC นำเจลไปทดสอบในอาสาสมัคร

โดยใช้ทาที่บริเวณต้นแขนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่าส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในลักษณะเนื้อเจล การซึมซาบ และความหนืด ส่วนการลดไขมันส่วนเกินพบว่า อาสาสมัคร 26.67 เปอร์เซ็นต์ มีขนาดรอบต้นแขนลดลง แต่ไม่มีนัยสำคัญซึ่งจะต้องทำการศึกษาวิจัยเพื่อยืนยันในจำนวนอาสาสมัครที่เพิ่มมากขึ้นและใช้เวลาที่นานกว่า 2 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจนขึ้น ผลงานวิจัยนี้ น่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยยกระดับสมุนไพรไทยให้ก้าวไกลไปต่างแดน ในอนาคตอันใกล้นี้ได้อย่างแน่นอน.

ที่มา :samunpri.com

25.10.08

ดื่มกาแฟอย่างไร ไม่เสียสุขภาพ

ดื่มกาแฟอย่างไร ไม่เสียสุขภาพ

เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา กาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนถูกโจมตีว่า ทำให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิต เป็นหมันทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์แท้งได้หรือทารกน้ำหนักน้อย เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ ซีสต์ในเต้านม และกระดูกพรุน แต่ข้อมูลการวิจัยในปัจจุบันเปิดเผยว่า การดื่มกาแฟเพียงวันละ 1-2 ถ้วยนั้นปลอดภัย และอาจให้ผลดี ถ้าดื่มให้เป็น

มีรายงานผลการวิจัยจากฟินแลนด์และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า คนที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงการเกิดเบาหวานประเภท 2 น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม ความเสี่ยงที่ลดลงเป็นสัดส่วนกับปริมาณกาแฟที่ดื่ม และกาแฟไร้คาเฟอีนให้ผลน้อยกว่า ส่วนชาไร้คาเฟอีนและเครื่องดื่มอื่นๆที่มีคาเฟอีนไม่ให้ผลเหมือนกาแฟ

นอกจากนี้กาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคพาร์คินสันลดอันตรายต่อตับในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคตับ ลดอาการหอบในผู้ที่มีโรคหอบหืด เพิ่มความจำและสำหรับนักกีฬาเพิ่มความทนและความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน

สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วง แนะนำให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวันเช่น แทนที่จะดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนซ์ (500 มล.) ในตอนเช้า ให้ดื่มเพียงครั้งละ 2 - 3 ออนซ์ (60 - 90 มล.)แต่บ่อยขึ้น กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15 นาทีและจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงกว่าที่จะถูกขจัดออกจากร่างกาย

ของดีในกาแฟ

เมล็ดกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 4 เท่า และยังมากกว่าโกโก้ ชาสมุนไพรและไวน์แดงอีก ที่มากกว่าเพราะผู้บริโภคดื่มกาแฟมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ แต่สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟแต่ละถ้วยและแต่ละยี่ห้อนั้นก็ไม่เท่ากันขึ้นกับชนิดของกาแฟ

กาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta) มีสารต้านอนุมูลอิสระและคาเฟอีนมากกว่าพันธ์อราบิก้า (Arabicas) ถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นผลมาจากวิธีการคั่วกาแฟ และปริมาณกาแฟที่ละลายแต่ละถ้วย รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับวิธีการชงกาแฟ ระยะเวลาและปริมาณกาแฟที่ใช้ด้วย

ข้อควรระวังในกาแฟ

คอกาแฟอย่าเพิ่งย่ามใจกับข้อมูลด้านดีๆ เพราะองค์ประกอบหลักของกาแฟคือสารคาเฟอีนซึ่งเป็นสารกระตุ้น จึงมีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจพอสมควร โดยทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพิ่มความดันโลหิต และทำให้หัวใจเต้นผิดปกติในบางครั้ง งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโทรอนโทเปิดเผยว่า การดื่มกาแฟมากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันในผู้ที่มียีนขจัดคาเฟอีนช้า ทำให้คาเฟอีนอยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น แต่สำหรับคนที่มียีนปกติที่ขจัดคาเฟอีนได้เร็วกาแฟก็จะไม่มีผล

ส่วนผลของกาแฟต่อสุขภาพผู้หญิงก็ยังไม่มีผลวิจัยชัดเจน ว่าจะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านม ซีสต์ในเต้านมหรือกระดูกพรุนหรือไม่ การเดินสายกลางจึงดีที่สุด ผู้ที่ดื่มกาแฟสกัดคาเฟอีน อาจคิดว่าปลอดภัย แต่นักวิจัยเตือนว่า กาแฟสกัดคาเฟอีนอาจเพิ่มระดับกรดไขมันในเลือดให้สร้างแอลดีแอล ซึ่งเป็นคอเลสเทอรอลตัวร้ายได้ เพราะในกระบวนการสกัดคาเฟอีนจะสกัดเอาสารเฟลโวนอยด์ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสารอื่นๆ ที่ให้รสชาติกาแฟแท้ๆ ออกไปด้วย นอกจากจะอร่อยน้อยลงแล้วยังมีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย

ที่มา : อสมท.
6 ทิปส์ จิบกาแฟเพื่อสุขภาพ

อัพเดทความรู้ใหม่ และสลัดความเชื่อเก่าที่ผิดๆ เรื่องกาแฟทิ้ง...เพราะมันให้คุณมากกว่าโทษ ถ้าคุณรู้จักดื่ม และนี่คือ 6 ข้อเท็จจริงที่เราเอามาป่าวประกาศ ไม่จริงว่าการดื่มกาแฟทำให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิต เป็นหมัน ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์แท้งได้ ส่งผลให้ทารกแรกคลอดน้ำหนักน้อย เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ ซีสต์ในเต้านม และกระดูกพรุน ถ้าคุณดื่มเพียงวันละ 1-2 ถ้วย

ไม่รู้ใช่มั้ย...กาแฟช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคพาร์คินสัน ลดอันตรายจากตับในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคตับ ลดอาการหอบในผู้ที่มีโรคหอบหืด เพิ่มความจำ และสำหรับนักกีฬาจะช่วยเพิ่มความทนและความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน

ต้องดื่มบ่อยๆ...สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วง แนะนำให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เช่น แทนที่จะดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนซ์ (500 มล.) ในตอนเช้า ให้ดื่มเพียงครั้งละ 2-3 ออนซ์ (60-90 มล.) แต่บ่อยขึ้น กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15 นาที และจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงกว่าที่จะถูกขจัดออกจากร่างกาย

กาแฟดีกว่าไวน์และชาสมุนไพร...เมล็ดกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 4 เท่า และยังมากกว่าโกโก้ ชาสมุนไพร และไวน์แดง ที่มากกว่าเพราะผู้บริโภคดื่มกาแฟมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ แต่สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟแต่ละถ้วยและแต่ละยี่ห้อนั้นก็ไม่เท่ากัน ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของกาแฟ

ระวังไว้นิดก็ดี...องค์ประกอบหลักของกาแฟคือ สารกาเฟอีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่มีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หรือเต้นผิดปกติในบางครั้ง และเพิ่มความดันโลหิต งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโทรอนโทเปิดเผยว่า การดื่มกาแฟมากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันในผู้ที่มียีนขจัดกาเฟอีนช้า ทำให้กาเฟอีนอยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น แต่สำหรับคนที่มียีนปกติที่ขจัดกาเฟอีนได้เร็วกาแฟก็จะไม่มีผล

ดีแคฟ...ไม่ช่วยอะไร ผู้ที่ดื่มกาแฟสกัดกาเฟอีน อาจคิดว่าปลอดภัย แต่นักวิจัยเตือนว่า กาแฟสกัดกาเฟอีนอาจเพิ่มระดับกรดไขมันในเลือดให้สร้างแอลดีแอล ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลตัวร้ายได้ เพราะในกระบวนการสกัดกาเฟอีนจะสกัดเอาสารเฟลโวนอยด์ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสารอื่นๆ ที่ให้รสชาติกาแฟแท้ๆ ออกไปด้วย ดังนั้น การดื่มดีแคฟนอกจากจะอร่อยน้อยลงแล้ว ยังมีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย
อะไรที่มากหรือน้อยเกินพอดีล้วนมีโทษทั้งสิ้นเพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์ก็ต้องเลือกในปริมาณ และรสชาติที่เกินพอดีแล้วจะมีความสุขกับกาแฟแก้วโปรดไปอีกนานๆ


ที่มา : 247 Free Magazine

24.10.08

ผลศึกษาผู้หญิงดื่มกาแฟลดความเสี่ยงมะเร็งมดลูก

ผลศึกษาผู้หญิงดื่มกาแฟลดความเสี่ยงมะเร็งมดลูก

ผลการศึกษาของนักวิจัยจากศูนย์มะเร็งแห่งชาติญี่ปุ่นระบุผู้หญิงที่ดื่มกาแฟปริมาณมาก จะมีความเสี่ยง เป็นมะเร็งมดลูกน้อยลง


การศึกษาครั้งนี้ได้ติดตามกลุ่มผู้หญิง 5 หมื่น 4 พันคน อายุระหว่าง 40- 69 ปีนาน 15 ปี และในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา มีผู้หญิง 117 คน ที่ป่วยเป็นมะเร็งมดลูก
นักวิจัยได้แบ่งผู้หญิงออกเป็น 4 กลุ่มตามปริมาณกาแฟที่พวกเธอดื่ม และพบว่า กลุ่มผู้หญิงที่ดื่มกาแฟวันละมากกว่า 3 ถ้วย มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งมดลูกน้อยกว่ากลุ่มที่ดื่มกาแฟน้อยกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ถึงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์

ผลการศึกษาสรุปได้ว่า กาแฟมีผลทำให้ระดับอินซูลินลดลง และอาจมีความเป็นไปได้ที่จะลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมดลูก นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้ศึกษาผลกระทบต่อการดื่มชาเขียว แต่ไม่พบความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งมดลูกแต่อย่างใด โดยข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐระบุว่า ผู้หญิงป่วยเป็นมะเร็งมดลูกมากเป็นอันดับ 4


ที่มา : คมชัดลึก

ความรู้ทั่วไป เกี่ยวกับกาแฟ

ความรู้ทั่วไป เกี่ยวกับกาแฟ

จากการปลูกและการแปรรูปจนถึงวิธีการคั่ว

กาแฟพันธุ์อราบิก้า (Arabica) ปลูกที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 3,000 ฟุต ให้ผลผลิตสม่ำเสมอ รสหอมกลมกล่อม ในเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้ามีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าพันธุ์โรบัสต้า ประมาณ 1 เท่า ผลผลิตของกาแฟทั่วโลกเป็นกาแฟพันธุ์อราบิก้า 75%

กาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta) ปลูกในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มากนัก ส่วนใหญ่ปลูกในประเทศแถบร้อนชื้น มีรสชาติเข้มข้น หอมฉุนกว่ากาแฟพันธุ์อราบิก้า มีสัดส่วนของผลผลิตกาแฟทั่วโลก 25%

กาแฟมีสายพันธุ์หลักๆ 2 พันธุ์ คือ

กาแฟเป็นไม้พุ่มยืนต้น ขนาดปานกลางสูงประมาณ 3-4 เมตร ใบสีเขียวแตกออกจากข้อเป็นคู่ๆ ดอกออกตามข้อของกิ่งมีสีขาวบริสุทธิ์ กลิ่นหอมต้นกาแฟในประเทศไทยเริ่มออกดอกในเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ ระยะเวลาตั้งแต่การออกดอกถึงการเก็บเกี่ยวใช้เวลาประมาณ 8-12 เดือน หลังจากปลูกกาแฟได้ 2-3 ปี กาแฟจะเริ่มออกดอกและติดผล ผลของกาแฟเรียกว่า “Coffee Cherry” มีลักษณะค่อนข้างกลม ขณะที่ผลยังอ่อนมีสีเขียว และเมื่อผลแก่จัดจะมีสีแดง ในแต่ละข้อของกิ่งกาแฟติดผลประมาณ 10-60 ผล
แต่ละผลมีเมล็ดกาแฟอยู่ 2 เมล็ด

โดยส่วนแบนของเมล็ดประกบติดกัน เมื่อเก็บผลเชอรี่แล้วจึงเข้า สู่ขั้นตอนการลอกเปลือก เพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟ ซึ่งมี 2 กรรมวิธี คือ
1) กรรมวิธีตากแห้ง (Dry Method) เป็นการนำผลเชอรี่มาตากแห้ง ใช้เวลาประมาณ 15 วัน จากนั้นจึงทำการกระเทาะเปลือกออกอีกครั้งหนึ่ง
2) กรรมวิธีแช่น้ำ (Wet Method) คือ การนำผลเชอรี่แช่ในน้ำ เสร็จแล้วนำเข้าเครื่องกระเทาะเปลือก จากนั้นนำมาตากแห้ง หรือเข้าเครื่องอบ วิธีนี้ใช้เวลาน้อยกว่าวิธีตากแห้ง (Dry Method)

การคั่วกาแฟ

การคั่วกาแฟ การคั่วกาแฟเป็นวิธีและขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการดึงคุณสมบัติต่างของกาแฟออกมาไม่ว่าจะเป้นความหอม ความกลมกล่อมของรสชาติ เข้ม กลมกล่อม ต่างๆออกมา ปกติการคั่วการแฟจะใช้ความร้อนที่ 180 – 240 องศาเซลเซียส ใช้ระยะเวลาประมาณ 10 -20 นาที อุณหภูมิและระยะเวลาที่ใช้จะมีผลต่อความหอมและรสชาติกาแฟ เป็นอย่างยิ่ง ระดับความเข้มอ่อนของการคั่ว สามารถแบ่งออกเป็นระดับได้มากกว่า 12 ระดับ และกลิ่นหอม แตจะขออธิบายง่ายๆเป็น 3 กลุ่มเพื่อความเข้าใจในเบื้องต้น

กาแฟคั่วระดับอ่อน (light roast) สีน้ำตาลอ่อน บางกลุ่มประเทศจะเรียกว่า ซิน่าม่อนครับ เพราะมีสีเหลืองน้ำตาลแบบเปลือกต้นอบเชย การคั่วกาแฟแบนี้นั้น จะได้รสชาติควมเป็นกาแฟที่ดี อาจมีรสชาติความเปรี้ยวของกรดผลไม้ ที่มีอยู่ในกาแฟด้วย

กาแฟคั่วระดับปานกลาง ( medium roast ) จะมีระดับสีความเข้มเพิ่มมากขึ้น ปกติคนอเมริกันจะชอบทานกาแฟระดับนี้โดยชงแบบหม้อต้ม และดื่มกันเป็นแบบแก้วใหญ่ ที่เรียกว่า บักส์ซึ่งในความคิดผมกาแฟระดับนี้ จะชงกาแฟร้นได้อร่อยหอมกรุ่นมาก ครับ

การคั่วระดับเข้ม ( dark roast ) เมล็ดกาแฟที่คั่วระดับนี้จะมีสีเข้มมาก เมล็ดจะมันวาวเหมือนมีน้ำมันมาเคลือบจนบางคนเข้าใจว่าต้องใส่น้ำมันหรือเนยด้วยขัยวครับ การคั่วแบบนี้จะให้รสเข้มข้น ซึ่งป็นรสชาติที่ชาวอิตาเลี่ยนดื่มกัน และนำกาแฟชนิดนี้ ไปใช้ชงด้วยเครืองชงแบบมีแรงดันได้กาแฟเข้มข้นที่เรียกว่า เอสเพรสโซ่ละครับ

การคั่วกาแฟ

สำหรับหลักการในการคั่วนั้น หลังจากที่เลือกเมล็ดกาแฟดิบ หรือสารกาแฟมาแล้วจะทำการตรวจเช็ระดับความชื้นของเมล็ด เพื่อให้ความชื้นที่เหมาะสมครับ หลังจากนั้นจะเข้าเครื่องคั่ว ซึ่งจะมีทั้งระบบที่เมล็ดสัมผัสกับหม้อคั่วโดยตรง หรืออาจะเป็นระบบที่เมล็ดลอยอยู่สัมผัสกับอากาศร้อน ครับ ก็จะได้เมล็ดกาแฟที่หอมกรุ่นเหมือนกันครับ ซึ่งผู้คั่วแต่ละรายจะมีเทคนิคในการคั่วที่แตกต่างกัน ครับ

เมื่อคั่วกาแฟได้สีที่ต้องการแล้วนั้น ก็จะมีการปล่อยกาแฟออกจากเครื่องคั่วและเป่าลมเย็นประทะกับกาแฟ ให้กาแฟเย็นลงเร็วที่สุด เพราะธรรมชาติของเมล็ดกาแฟก็เหมือนกับไม้ที่ถูกเอาไปเผาไฟละครับ ถ้าไม่ทำให้เย็นเร็วสุดก็จะเกิดการไหม้ต่อเนื่องไปเหมือนถ่านครับ หลังจากนั้น บางโรงคั่วเมือคั่วเสร็จกาแฟเริ่มเย็นก็
จะบรรจุลงถุงทันที ส่วนใหญ่จะทิ้งข้ามคืน ให้เมล็ดกาแฟได้คลายก๊าซสะสมในเมล็ดบ้าง มีบางทฤษฎี บอกว่าเมื่อกาแฟคั่วเสร็จและถูกทิ้งไว้ เมล็ดกาแฟจะสัมผัสกับอากาศ และแลกเปลี่ยนก๊าซ และทำปฏิกิริยากับอากาศ ในวันที่ 5 หลังจากคั่วเสร็จจะเป็นวันที่เมล็ดกาแฟมีความหอมสูงที่สุด และความหอมจะค่อยๆลดลงหากไม่เก็บในลักษณะที่ถูกต้อง

การเก็บกาแฟคั่วที่ถูกต้อง

เนื่องจากหากเก็บกาแฟไว้ถูกอากาศ สารประกอบประเภทน้ำมันที่มีภายในเมล็ดจะทำปฎกิริยากับ อากาศทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืนและไอน้ำในอากาศจะส่งผลให้คุณภาพด้านกลิ่นลดลงอย่างรวดเร็วดังนั้นเราควรที่จะเก็บกาแฟลงในถุงที่มีวาล์ลไล่อากาศหรือวัสดุที่เป็นสูญญากาศและไม่ควรถูกแสง ดังนั้นหากท่านเห็นร้านกาแฟที่ควักกาแฟจากโหลแก้วที่โชว์ออกมาชงขอให้รู้ว่านั้นไม่ใช่วิธีการเก็บกาแฟที่ถูกต้องครับ

ที่มา : vppcoffee.com

23.10.08

สูตรกาแฟเย็น

กาแฟเย็น
- เอสเพรสโซ 2 ช็อต
- น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
- ครีมเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นจืด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำแข็งบด 16 ออนซ์
ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ยกเว้นนมข้นจืด เทลงใส่แก้วขนาด 16 ออนซ์ที่เติมน้ำแข็งเต็ม แล้วจึงค่อยๆเทนมข้นจืดตามลงไปจนเต็ม

รามิสุ ไอซ์ ลาเต้
- เอสเพรสโซ 1 ช็อต
- น้ำเชื่อมโทรานี่รสทิรามิสุ 30 มล.
- นมสดเย็น 90 มล.
- น้ำแข็งบด 16 ออนซ์
เทเอสเพรสโซลงในแก้วทรงสูง แล้วจุงเติมน้ำแข็งตามลงไป เทน้ำเชื่อมโทรานี่และนมสดเย็นตามลงไปจนเต็ม

มอคค่าปั่น
- สเตรทโต้ 2 ช็อต
- บอนช็อคโก HCDB 2-3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นจืด 30 มล.
- น้ำแข็งบด 16 ออนซ์
ปั่นส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน


แม่โขง คอฟฟี่ เชค
- ริสเตรทโต้ 2 ช็อต
- วิสกี้แม่โขง 15 มล.
- น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
- ครีมเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นจืด 30 มล.
- น้ำแข็งบด 16 ออนซ์.
ปั่นส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน


มิลค์กี้เวย์ มอคค่า
- เอสเพรสโซ 1 ช็อต
- บอนช็อคโกแบบผง 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเชื่อมโทรานี่รสคาราเมล 5-10 มล.
- น้ำเชื่อมโทรานี่รสวานิลา 5-10 มล.
- นมสดเย็น 90 มล.
- น้ำแข็งบด 16 ออนซ์.
ผสมกาแฟและบอนช็อคโกเข้าด้วยกัน ตามด้วยน้ำเชื่อมโทรานี่ เทลงใส่แก้วขนาด 16 ออนซ์ที่เติมน้ำแข็งเต็ม แล้วจึงค่อยๆเทนมสดตามลงไปจนเต็ม

ที่มา : boncafe.co.th

ความรักกับกาแฟ

ความรักกับกาแฟ

ความรักก็เปรียบได้กับกาแฟกาแฟที่ชงเสร็จใหม่ๆ ก็เหมือนกับความรักที่เพิ่งจะก่อตัวมันหอม มันหวาน มันอุ่นหากได้ชิมแล้วยากจะวางลง นอกจากคุณจะไม่ถูกใจกาแฟแก้วนั้นน้ำตาลที่ใส่ให้กาแฟ....เปรียบเสมือนกับการเอาใจใส่ดูแลห่วงใยซึ่งกันและกัน อยู่ที่คุณจะใส่น้ำตาลมากแค่ไหนมากไปมันก็เลี่ยนน้อยไปมันก็ไม่ดี มันอาจขมอยู่นมหรือครีม เหมือนกับเรื่องราวต่างๆ เหตุการณ์ดีๆที่ช่วยให้กาแฟมีรสชาติดีขึ้น...แน่นอนว่ากาแฟเมื่อชงทิ้งไว้ แม้มันจะมีรสชาติดีแค่ไหนแต่เมื่อทิ้งเอาไว้นานๆ รสชาติมันย่อมเปลี่ยนไปบ้างควมหอมมันอาจจะน้อยลง มันอาจจะเย็นชืด จืดจางเหมือนกับความรัก ที่ต่อให้คุณจะรักกันมากแค่ไหน แต่หากนานวันเข้ามันย่อมมีวันจืดจางลงบ้างเช่นกันแล้วเราจะยังดื่มมันมั๊ยกาแฟที่จืดจาง ไร้ซึ่งความหอม หวาน มัน ดื่มหรือไม่ดื่มดีการกล้ำกลืนฝืนทนดื่มต่อไปไม่ใช่ว่าดีหรอกก็มันไม่อร่อยอยู่แล้ว ดื่มไปก็เสียความรู้สึกเปล่าๆมาชงกันใหม่ดีกว่านะแต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นถ้วยใบเดิมๆซึ่งเปรียบเหมือนคนรักของคุณไม่ใช่เปลี่ยนถ้วยไปเรื่อยๆนะ ไม่ดีหรอก..แต่หากคุณยังชงกาแฟใหม่ในถ้วยใบเดิมแม้มันจะเก่าไปบ้างตามกาลเวลแต่เราไม่ได้กินถ้วยนี่ เราดื่มกาแฟตะหากถ้วยกาแฟก็เหมือนคู่ใจของเราถูกมั๊ย..หมั่นชงมันบ่อยๆให้ถ้วยได้เจอกับกาแฟอุ่นๆ หอมๆ หวานๆมันจะทำให้คุณมีความสุขมากอย่างที่คาดไม่ถึงเลยล่ะ..กาแฟอุ่นๆ หอมๆ กับถ้วยใบโปรดจะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกล่ะ

ที่มา : roytawan.com

22.10.08

คุณสมบัติเหลือเชื่อของกาแฟ

คุณสมบัติเหลือเชื่อของกาแฟ

เดิมเราอาจจะเข้าใจว่า สารต้านอนุมูลอิสระมีมากในผัก ผลไม้ แต่ใครจะรู้บ้างคะในเมล็ดกาแฟสดก็มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่เช่นกันโดยมีชื่อเรียกว่า “กรดคลอโรจีนิก” ซึ่งสามารถสลายตัวด้วยความร้อนเช่นเดียวกับสารต้านอนุมูลอิสระชื่อ “ฟลาโนวอยด์” ที่พบมากในผักและผลไม้ต่างๆ
“รศ.ดร.ชัยชาญ แสงดี” หัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกมายืนยันว่า จาการศึกษาค้นคว้าวิจัยเมื่อเร็วๆนี้ พบว่ากาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกทั้งยังมีมากว่าในชาเขียวที่เคยฮิตถึง 3เท่าทีเดียวค่ะ
รศ.ดร.ชัยชาญ”กล่าวต่ออีกว่า การดื่มกาแฟเป็นประจำ สามารถป้องกันการเป็นโรคเบาหวาน ลดอัตราการเป็นอัลไซเมอร์ และโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งของลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และมีหลักฐานที่มากขึ้นว่าการดื่มกาแฟอาจจะป้องกันภาวะตับแข็งและโรคตับได้
แต่เมื่อการคั่วเมล็ดกาแฟ กรดคลอโรจีนิก อาจสลายตัวไปได้ แต่มิใช่การสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง เนื่องจากกรดคลอโรจีนิคจะรวมตัวกับคาร์โบไฮเดรตและกรดอะมิโนและโปรตีนในเมล็ดกาแฟระหว่างการคั่วให้เป็น “สารเมลานอยดิน”ซึ่งมีสีน้ำตาลอ่อน- น้ำตาลเข้ม ตามอุณหภูมิและระยะเวลาของการคั่วเมล็ดกาแฟ
ที่สำคัญยังพบอีกว่าหากคนเราดื่มกาแฟเป็นประจำจะทำให้ได้รับสารต้านอนูมูลอิสระอย่างเพียงพอที่จะทำให้ร่างกายไม่เกิดความผิดปกติกับการออกซิเดชั่น อันเป็นสาเหตุของโรคต่างๆแต่เนื่องจากมีการสูญเสีย “กรดคลอโรจีนิก”ส่วนหนึ่งไปในกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟ บริษัทเนสท์เล่(ไทย)จำกัด จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟผงสำเร็จชนิดใหม่ ซึ่งผลิตจาการผสมผสานเมล็ดกาแฟดิบ กับกาแฟคั่วเข้าด้วยกันค่ะ
วัตถุประสงค์ที่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น โดยยังคงกลิ่นหอมและรสของกาแฟดั้งเดิมไว้
แม้ว่าธรรมชาติจะเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์อายุสั้นลง แต่ทว่าธรรมชาติได้ทำให้คนเราได้ค้นพบความลับ ที่ทำให้สามารถยื้อเวลาและต่อลมหายใจให้อยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างยืนยาวนาน ไร้โรคภัยแถมยังสวยงามไร้ริ้วรอยอีกต่างหากค่ะ
อย่าลืมดื่มกาแฟ ทางเลือกใหม่ของสารต้านอนุมูลอิสระนะคะ

ที่มา : horapa.com

สูตรการชงกาแฟต่างๆ

สูตรการชงกาแฟต่างๆ และเรื่องราวของกาแฟแต่ละแก้ว

Macchiato สื่อถึงความหมายที่บอกถึงบางสิ่ง “มีจุด” ที่อยู่ใน Espresso ที่เป็นจุดที่จากฟองนมนั่นเอง ตั้งแต่แรกเห็น Macchiato จะมีลักษณะที่คล้ายกับ Cappuccino แก้วเล็ก แม้ว่าส่วนผสมที่ใช้ในการทำจะเหมือนกัน แต่สำหรับ Macchiato จะมีกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้นมากกว่า
ส่วนผสมในการทำ Macchiato
นม เศษหนึ่งส่วนสิบลิตร
เมล็ดกาแฟ
น้ำตาล และ/หรือ ผงโก้โก้ (ขึ้นอยู่กับรสชาติที่คุณต้องการ)
การทำ Espresso (ปริมาตรประมาณ 70 มิลลิลิตร)
การเตรียม
ใส่ฟองนมลงในถ้วยกาแฟ espresso
วางแก้วกาแฟใต้ท่อจ่ายกาแฟ และกดปุ่มเลือก espresso
โปรยด้วยผงโก้โก้ เพื่อการตกแต่งที่สวยงาม
Caffè Latte เป็นกาแฟที่แตกต่างออกไปด้วยวิธีการเติมนม และ Caffè Latte ที่ดีคือ espresso หลังจากนั้นใส่นมร้อนบน espresso และผลลัพธ์ที่ได้คือฟองนมอันน้อยนิดที่ทำให้ Caffè Latte เป็นกาแฟที่น่าชวนมองอย่างยิ่ง Caffè Latte จะถูกเสิร์ฟด้วยการใช้แก้วที่มีขนาดใหญ่กว่าแก้วที่ใช้ในการทำ Cappuccino
ส่วนผสมในการทำ Caffè Latte
นม (ประมาณ เศษ1.5 ส่วนสิบ)
เมล็ดกาแฟ
น้ำตาล (เพื่อเพิ่มรสชาติ)
แก้วกาแฟ (ปริมาตรประมาณ 160 มิลลิลิตร)
การเตรียม
ใช้นมที่ให้ความร้อน ¾ แก้ว
(ไม่เหมือนกับการทำครีมฟอง เพราะนมจะถูกผสมด้วยการใช้อากาศให้น้อยที่สุด)
วางแก้วกาแฟใต้ช่องปล่อยกาแฟ และกดปุ่มเลือกการทำ espresso
Cappuccino
ต้นตำรับการทำกาแฟสไตล์อิตาเลียน ประกอบด้วย Espresso ปริมาณ 1/3 นมร้อน และครีมนมที่ทำให้กาแฟดูน่าดื่มมากขึ้น และแต่งแต้มด้วยการเติมผลโก้โก้อีกนิดหน่อย
ส่วนผสมในการทำ Cappuccino
นม เศษหนึ่งส่วนสิบลิตร
เมล็ดกาแฟ
ผงโก้โก้
น้ำตาล (เพื่อเพิ่มรสชาติ)
ถ้วยกาแฟสำหรับ Cappuccino (ปริมาตรโดยประมาณ 140 มิลลิลิตร)
การเตรียม
การให้ความร้อนแก่ฟองนมหรือนม เพื่อเริ่มให้อากาศได้เข้าไปในนมได้เพียงนิดหน่อย เป็นเพียงการทำให้นมมีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น ถ้าคุณต้องการฟองครีมมากขึ้น คุณอาจจะทิ้งไว้นานขึ้นก็ได้
วางแก้วกาแฟใต้ท่อจ่ายกาแฟ และกดปุ่มสั่งให้มีการจ่ายกาแฟ espresso

สูตรเครื่องดื่มที่คุณลองทำเองได้
คาปูชิโน่คาลาเมล cappuccino caramelกาแฟเอสเปรสโซ่ 2 ชอทน้ำเชื่อม 1.5ออนซ์คาราเมลซอส 1/2 ออนซ์ฟองนมทำให้เย็นด้วยที่ตีฟองนมมือ(ใช้นมสดเมจิ2.5ออนซ์)น้ำเชื่อมกลินคาราเมลโทรานี่ช้อนโต๊ะวิธีทำ ชงนมผงเด้กกับกาแฟ น้ำเชื่อมกลิ่นคาราเมลเข้าด้วยกันเตรียมแก้วขนาด 20ออนซ์ ใส่ซอสคาราเมลไปที่แก้วก่อนเติมน้ำแข็งบดเทกาแฟที่ผสมไว้ เติมนมสดกับฟองนมพร้อมเสริ์พ โรยด้วยผงอบเชย
Ice Fresh coffeeกาแฟเอสเปรสโซ่ 2ชอท(ใช้แบบคั่วเข้ม)น้าเชื่อม 1.5ออนซ์นมข้นจืดตราเหยี่ยว 1ช้อนโต๊ะนมข้นหวาน 1ช้อนโต๊ะวิธีทำ ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันแก้ว16ออนซ์ น้ำแข็งบดเติมกาแฟที่ผสมไว้แล้วลงไป ราดด้วย นมสด 1 ออนซ์แต่งด้วยวิปปิ้งครีม


Faiz cafe noir coconut milkกาแฟเอสเฟรสโซ่ร้อน 2 ชอทนมสดกับครีมกะทิเป่าฟองร้อนนมสด 1.5ออนซ์ กะที 1ออนซ์น้ำเชื่อม 1/2ออนซ์วิธีทำ อุ่นแก้วให้ร้อนเป่าฟองนมกะทิเติมน้ำเชื่มอลงไปในแก้ว แล้วกลั่นกาแฟไป 2ซอท(หรือ ทำครั่งเดียวให้ได้ 2ออนซ์) ต่างจากเย็นที่ใช้ความเข้มต่างกันได้กาแฟแล้วเติมฟองนมกะทิ โรยด้วยผงอบเชยหรือช็อคโกเล็ตเสริ์ฟร้อน

กาแฟเอสเปรสโซ่คั่วเข้ม 2 ชอท
นมข้นหวาน 1.5 ออนซ์
น้ำเชื่อม 1ออนซ์
นมข้นจืด 1ออนซ์
น้ำแข็งบด 1แก้ว 18 ออนซ์(ใช้แก้วตามขนาดที่จะเสริ์ฟตวง)
ปั่นด้วยความเร็วระดับ3 (เครื่องปั่น 500-550วัตต์) สามารถปั่นให้เนียนได้
พร้อมเสริ์ฟ…….

ที่มา : Coffee Shop

21.10.08

สูตรกาแฟ

สูตรกาแฟ

เอสเปรสโซ [Espresso]เอสเปรสโซเป็นกาแฟพื้นฐานของกาแฟชนิดอื่นๆ ทุกอย่างต้องมาจากเอสเปรสโซทั้งนั้น เอสเปรสโซประกอบด้วยกาแฟเข้มข้น 1.5-2.0 ออนซ์
(การดื่มเอสเปรสโซที่ถูกต้อง ต้องดื่มทีเดียวหมด)

คาปูชิโน [Cappuccino] คาปูชิโน กาแฟที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
คาปูชิโนประกอบด้วย
กาแฟเอสเปรสโซ 2 ออนซ์
นมร้อน 2 ออนซ์
ฟองนม 2 ออนซ์

วิธีการชงประกอบด้วย กาแฟเอสเปรสโซ ผสมกับนมร้อน ในปริมาณที่เท่ากัน และโรยหน้าด้วย ฟองนุ่ม
เสริฟในถ้วยขนาด แปดออนซ์

ลาเต้ [Latta] ลาเต้เป็นกาแฟอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยม เป็นกาแฟที่ผสมนมร้อนในปริมาณที่เท่าๆกัน ส่วนประกอบของลาเต้
กาแฟเอสเปรสโซ 2 ออนซ์
นมร้อน 3 ออนซ์ เป็นกาแฟของผู้ที่นิยมรสชาติที่ไม่เข้มมากนัก

อเมริกาโน [Americano] อเมริกาโนคือกาแฟเอสเปรสโซ ที่เจือจางลงด้วยปริมาณน้ำโดยเติมปริมาณน้ำร้อนลงในกาแฟเอสเปรสโซให้มีปริมาณเต็มถ้วย สิ่งสำคัญในการชงกาแฟกาแฟจะมีรสดีหรือไม่ดีเพียงใดนอกจากการคัดเลือกเมล็ดกาแฟแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆที่สำคัญอีกดังนี้ น้ำ ส่วนประกอบสำคัญที่สุดของกาแฟ ต้องเป็นน้ำที่บริสุทธ์ ผ่านการกรองมาแล้ว ไม่มีกลิ่นเจือปน แต่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำกลั่น
โดยใช้น้ำร้อน ประมาณ 92-96 องศาเซลเซียส การบด กาแฟต้องบดที่เหมาะสม ไม่ละเอียดหรือหยาบเกินไป การบดยังขึ้นอยู่กับการอัดกาแฟด้วย โดยการบดและอัดที่ดี กาแฟจะต้องชงเสร็จ 1 ช็อท ประมาณ 20 วินาที หากใช้เวลานานกว่านั้นแสดงว่ากาแฟบดละเอียดเกินไป หากชงเสร็จเร็วกว่านั้นก็แสดงว่ากาแฟบดหยาบเกินไป และควรบดกาแฟให้พอดี โดยบดเฉพาะชงแก้วต่อแก้วเท่านั้น
การคั่ว ควรเลือกกาแฟที่คั่วเสร็จใหม่ๆ ถ้าไม่สามารถคั่วเองได้ ก็ควรจะใช้กาแฟที่คั่วแล้วหลังจากเปิดถุงให้หมดภายใน หนึ่งอาทิตย์ หากเปิดถึงแล้วนานกว่านั้นกลิ่นของกาแฟจะหายไป และควรจะเก็บกาแฟในที่มีฝาปิดมิดชิด หากเปิดถึงแล้วก็ไม่ควรเก็บในตู้เย็น หากถุงยังปิดอยู่ก็สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้
ปริมาณกาแฟ ให้ใช้ปริมาณ 10 กรัมต่อน้ำ 180 มิลลิลิตร
ส่วนกาแฟที่ตามร้านค้าจะนำมาชงขายในร้านนั้นโดยมากแล้วจะมีอยู่ 2 แบบ
สเตรทคอฟฟี่ [Straight Coffee]เป็นกาแฟ อาราบิก้า ทั้งหมดไม่ผสมกับกาแฟอย่างอื่น จะให้รสชาติที่กลมกล่อม ให้ความรู้สึกที่ดี
คอฟฟี่เบลนด์ [Coffee Blend] เป็นกาแฟอาราบิก้า ผสมกับ กาแฟโรบัสต้า ซึ่งจะทำให้มีกลิ่นที่หอมมากกว่า ซึ่งแต่ละร้านก็มีสูตรของตัวเองที่ต่างกันออกไป

ที่มา: mint152.com

คาปูชิโน

คาปูชิโน

คาปูชิโนมักถูกเรียกบ่อยครั้งว่าเป็นเครื่องดื่มของพระเจ้า โดยได้ชื่อนี้มาจากบาทหลวงชื่อ คาปูชินส์ ผู้ซึ่งสวมเสื้อคลุมสีสรรเดียวกันกับเครื่องดื่มจากสวรรค์ชนิดนี้

ส่วนผสม:
- นมที่ตีด้วยไอน้ำ
- กาแฟเอสเพรสโซ
- ผงช็อกโกแลต
(หากไม่มี สามารถใช้ผงโกโก้ หรือ ผงชินนามอนได้เช่นกัน)


วิธีทำ:
คาปูชิโนของแท้จะต้องทำด้วยเครื่องเอสเพรสโซซึ่งมีท่อไอน้ำติดอยู่ แต่ถ้าไม่มีท่อไอน้ำ ก็ให้นำนมร้อนมาปั่นในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ประมาณ 1 นาที ค่อยๆ เทกาแฟเอสเพรสโซลงในถ้วยกาแฟให้ได้ 1/3 ของถ้วยและตามด้วยนมร้อนอีก 1/3 และตักฟองนมราดด้านบนอีก 1/3

ที่มา : koratfood.com

การชงกาแฟ

การชงกาแฟ

การชงกาแฟ มีหลายแบบ แต่ละแบบจะให้รสชาติและกลิ่นจากน้ำมันในเมล็ดกาแฟที่ต่างๆ กันไป โดยทั่วๆ ไปการชงกาแฟมีหลักพื้นฐานอยู่ 4 อย่างที่ควรจะรู้ คือ ปริมาณของกาแฟกับน้ำ การความละเอียดของกาแฟบด น้ำ และความสดของกาแฟ การชงกาแฟที่ใช้กันทั่วไปคือกาแฟบดสองช้อนโต๊ะ (~10 - 14 กรัม) ต่อน้ำ 6 ออนซ์ (180 cc) อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ได้ถ้ารู้สึกว่ากาแฟเข้มหรือจืดเกินไป
ความละเอียดของกาแฟก็เป็นสิ่งสำคัญที่เป็นตัวกำหนดรสชาติ กาแฟที่บดละเอียดมากๆ จะขมกว่ากาแฟที่บดหยาบ เพราะน้ำซึมผ่านช้ากว่า ได้สัมผัสและมีโอกาสดูดซับรสกาแฟได้นานกว่า อย่างไรก็ตามความละเอียดของกาแฟควรจะเลือกให้เหมาะกับวิธีการชงด้วยเพื่อให้ได้ความเข้มข้นที่พอเหมาะ น้ำถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะกาแฟหนึ่งถ้วยมีน้ำอยู่ 97-98% กาแฟที่ดีควรชงจากน้ำสะอาดบริสุทธิ์ ใช้น้ำเย็นต้มให้เดือดแล้วพักไว้ซักแป๊บนึงแล้วค่อยเอามาชง อุณหภูมิน้ำที่เหมาะสำหรับชงกาแฟคือ 90-96'C ถ้าน้ำไม่ร้อนพอจะทำให้ดึงรสชาติกาแฟออกมาได้น้อย รวมทั้งความสดของเมล็ดกาแฟด้วย


ที่มา : guru.sanook.com

การเลือกทำเลร้านกาแฟสด

การเลือกทำเลร้านกาแฟสด

ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องจริงสำหรับธุรกิจร้านกาแฟ

แฟรนไชส์กาแฟสดต้นทุนต่ำ ผู้ให้บริการเปิดร้านกาแฟสดต้นทุนต่ำแบบมืออาชีพทั่วไทย ฟรีค่าแฟรนไชส์และค่าธรรมเนียมต่างๆตลอดชีพ ฝึกอบรมต่างๆให้ฟรีๆ
ทำเลหรือแหล่งที่ตั้งของธุรกิจ ทำเลคือหัวใจของธุรกิจร้านกาแฟสดเลยก็ว่าได้ การเลือกทำเลที่ตั้งร้านกาแฟสด ควรปฏิบัติดังนี้.-
1. เลือกแหล่งที่เป็นชุมชนขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย โรงเรียน โรงพยาบาล หรือแหล่งที่มีผู้คนจำนวนมาก
2. ดูว่าที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายว่าเป็นคนกลุ่มใด ( เลือกศักยภาพในการซื้อหรืออำนาจในการจ่ายเงินของกลุ่มลูกค้านั่นเอง )
3. เลือกจุดหรือบริเวณที่ตั้งของร้าน โดยดูทิศทางคนเดินผ่าน คนมองเห็นได้ง่าย พื้นที่ตั้งสะอาด อากาศถ่ายเทได้ดี
4. วิเคราะห์ความเหมาะสมในการทำธุรกิจร้านกาแฟสดสิ่งที่ควรคำนึงถึงในการคัดเลือกทำเลที่ตั้งของร้านกาแฟสด ไม่ควรเลือกทำเลที่แออัดด้วยมลพิษมากจนเกินไป หรือทำเลที่คับแคบจนแทบกระดิกตัวไม่ได้หรือทำเลที่สกปรก ใกล้แหล่งขยะหรือแหล่งที่ผู้คนไม่ค่อยเดินกัน บริเวณที่ฝุ่นมาก ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ของร้านกาแฟสดของเราเสียไปได้ง่าย

ที่สุดของความสำเร็จสำหรับร้านกาแฟสด

การสร้างความสำเร็จในธุรกิจ คุณต้องมีจุดดีและจุดเด่นๆที่ไม่เหมือนใคร แต่โดยสรุปแล้ว ไม่ว่าจะสร้างจุดเด่นในลักษณะใดก็ตาม หัวใจหลักๆของความสำเร็จในการทำธุรกิจร้านกาแฟสด สรุปสั้นๆมีอยู่ 2 อันดับความสำคัญด้วยกันดังนี้ .-
1. ความสำคัญอันดับแรกที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักๆคือ รสชาดของกาแฟ รสชาดต้องอร่อยจริงๆดื่มทุกครั้งต้องอร่อยทุกครั้งรสชาดไม่มีผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐาน ลูกค้าทุกคนดื่มกาแฟของคุณแล้วติดใจในความอร่อย ถ้าเมนูอื่นๆก็อร่อยไม่น้อยไปกว่ากาแฟ ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มค่าร้านของคุณเป็นอย่างดี ถ้ากาแฟและเมนูอื่นๆก็ไม่อร่อยเลย ทำเลก็ไม่ดี เจ้าของก็ไม่ได้ให้ความสนใจในธุรกิจ จุดนี้คือจุดตายของร้านกาแฟทั่วไปที่ทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ถึงแม้จะลงทุนจำนวนมากมาย แต่ถ้าทำรสชาดของกาแฟให้อร่อยไม่ได้ก็จอดตรงนั้น
2. ทำเลดี ซึ่งมีความสำคัญเป็นอันดับรองลงมา คุณลองนึกภาพดู ถ้ากาแฟรสอร่อยมากๆ บวกกับทำเลดีเยี่ยม ถือว่าชัยชนะมาเยี่ยมคุณเรียบร้อยแล้ว ในส่วนเรื่องอื่นๆเป็นเพียงปัจจัยรอง แต่ปัจจัยที่สำคัญหลักๆจะอยู่ที่ ข้อ 1 + 2
ภารกิจหลักและหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของร้านกาแฟคือ การเติมความอร่อยมากๆของรสชาดกาแฟและเมนูประกอบอื่นๆให้กับลูกค้าของคุณทุกๆคน ที่เข้ามาใช้บริการดื่มกาแฟที่ร้าน จงทำให้ร้านของคุณมีเสน่ห์ในทุกๆด้าน เพื่อมัดใจลูกค้าทุกๆคน แล้วเงินจะหลั่งไหลเข้ากระเป๋าของคุณอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันร้านกาแฟสดเป็นธุรกิจหลักและธุรกิจเสริมที่ไปได้ดีกับธุรกิจต่างๆมากมาย ดังนี้
ร้านเบเกอรี่
ร้านอาหาร
ร้านอินเตอร์เน็ทคาเฟ่
ร้านสปา ร้านทำผม
ร้านหนังสือ
คาร์แคร์
ร้านประดับยนต์
ร้านเช่า ขาย วีซีดี
มินิมาร์ท
ร้านขายยา โรงพยาบาล
มหาวิทยาลัย
หน่วยงานราชการ ฯลฯ
จะเห็นได้ว่า ธุรกิจกาแฟสดไปได้ดี ในทุกๆที่ ที่มีคนผ่านเข้าออก ไปมา มากๆ และธุรกิจที่ลูกคาต้องนั่งรอเป็นเวลานานๆ สามารถสร้างรายได้ง่ายๆให้กับเจ้าของกิจการที่มีหน้าร้านเป็นของตนเองอยู่แล้ว หรือลูกค้าที่ต้องการเช่าพื้นที่หน้าร้านต่างๆเหล่านี้ จะสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ง่าย ใช้พื้นที่ไม่มาก ไม่ต้องลงทุนมากมาย แต่เห็นรายได้แน่นอน
จะเห็นได้ว่า ถ้าเลือกทำเลที่ตั้งร้านกาแฟได้ดี ก็เท่ากับมีชัยหรือสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ดังนั้นการเลือกทำเลที่ตั้งจึงมองข้ามไม่ได้ กรณีที่ไม่มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกทำเล ควรปรึกษาผู้ที่เชี่ยวชาญในการคัดเลือกทำเล ถ้าเป็นการให้คะแนนเต็ม 100 คะแนน ทำเลนำไปแล้วไม่น้อยกว่า 50 คะแนน ส่วนที่เหลือคือ คุณภาพของสินค้า การบริหารและการจัดการต่างๆ แต่ก็มีบางกรณีที่ทำเลแทบไม่ได้คะแนนเลย แต่ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เป็นเพราะอะไรต้องมาวิเคราะห์ดู ว่าเขามีกลยุทธ์หรือเทคนิคพิเศษ มีอะไรดีๆเด่นๆที่ไม่ธรรมดา ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายหรือเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเขาเองที่สร้างขึ้นมา สมาชิกร้านกาแฟสดทุกท่านต้องพยายามหาจุดเด่นๆของตัวเอง ซึ่งอาจจะสร้างขึ้นมา ให้เป็นแบบร้านกาแฟธรรมดาที่ไม่ธรรมดาให้ได้ แล้วคุณจะชนะตลอดไป ต้องหมั่นพัฒนาตัวเอง พัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สร้างเสน่ห์ให้กับธุรกิจ เพิ่มศักยภาพให้กับร้านกาแฟสดวันนี้ด้วยทำเลที่เหมาะสม นอกจากความสำเร็จที่ขึ้นกับทำเลแล้ว เจ้าของร้านกาแฟสดต้องควบคุมคุณภาพด้านต่างๆให้ดีเยี่ยมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของสินค้า การบริการลูกค้า การบริหารจัดการด้านต่างๆ เพราะร้านกาแฟสดถึงจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กก็จริง แต่ก็ต้องบริหารจัดการให้เป็นและถูกต้อง ธุรกิจมีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาต้องตามให้ทัน การพัฒนาร้านกาแฟต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการพัฒนาลูกค้า ต้องขยันเพิ่มลูกค้าใหม่ๆเข้าร้านกาแฟให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิมให้กลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง นี่คือกลยุทธ์แห่งความสำเร็จของทุกๆธุรกิจ ซึ่งรวมถึงร้านกาแฟสดด้วย
ถึงแม้ทำเลจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจร้านกาแฟสด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดและสำคัญเหนือกว่าทำเล คือ รสชาดของกาแฟและเมนูอื่นๆที่ขาย เมนูหลักคือกาแฟ รสชาดต้องอร่อยประทับใจคนดื่มจริงๆ และคงความอร่อยอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ไม่ใช่วันจันทร์อร่อย แต่พอมาดื่มกาแฟวันพุธกลับไม่มีรสความอร่อยหลงเหลืออยู่เลย ต้องพยายามรักษาความอร่อยของกาแฟเมนูหลักอย่างสุดชีวิต ประเภทผิดพลาดไม่ได้ เพราะความอร่อยของสินค้าที่เราขายจะนำพาเงินจำนวนมากมาให้เราอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นถึงทำเลจะดีเยี่ยมขนาดใด ถ้ารสชาดของกาแฟไม่ได้เรื่องหรือไม่มีความอร่อยเลย ก็ยากที่จะประสบผลสำเร็จ ทำเลดีๆนั้นหายากและไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ตามความต้งเจ้าของการ แต่รสชาดความอร่อยของกาแฟและเมนูอื่นๆเราสามารถสร้างขึ้นด้วยมือของเราได้ ไม่ต้องเช่าหาที่ใด ไม่ต้องประมูลให้เสียเงิน แต่เกิดจากการพัฒนา การบริหารและการจัดการของร้านกาแฟ ขอให้จำหัวใจหลักๆที่จะทำให้ร้านกาแฟประสบผลสำเร็จแบบยั่งยืนและถาวรได้ดังนี้.-
1. อันดับแรกที่สุด กาแฟและเมนูอื่นๆต้องอร่อยถูกใจทุกๆคนจริงๆ ถ้าทำให้อร่อยได้ไม่ครบทุกเมนู แต่อย่างน้อยเมนูหลักอย่างกาแฟ ต้องอร่อยมาเป็นที่หนึ่ง ส่วนเมนูอื่นๆเป็นส่วนประกอบรอง ถ้าทำให้อร่อยได้ทุกๆเมนูก็ยิ่งเป็นการดีมากๆเป็นการเพิ่มมนต์เสน่ห์ให้กับร้านโดยอัตโนมัติ
2. ทำเลดี มีคนผ่านจำนวนมากในแต่ละวันหรือเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ถ้าบวกด้วยกาแฟรสชาดอร่อยมากๆจะทำให้ธุรกิจของคุณรุ่งเรืองแบบยั่งยืนได้
ในส่วนอื่นๆเช่นการตกแต่งร้าน การโปรโมทร้าน ฯลฯ เป็นส่วนประกอบรองๆคุณสามารถบริหารและจัดการได้อย่างง่ายๆ
เมื่อเลือกทำเลได้ดีแล้ว รสชาดของกาแฟต้องมาตรฐาน โดนใจลูกค้า รวมถึงคุณภาพการบริการลูกค้าก็ต้องเป็นหนึ่งไปด้วย ถ้าทุกๆอย่างสัมพันธ์กัน ธุรกิจก็จะไปได้ดีอย่างต่อเนื่องตลอดไป

ที่มา : coffeemade.com

20.10.08

กาแฟสด/fresh coffee

กาแฟสด/fresh coffee

แฟรนไชส์กาแฟสด ผู้ให้บริการเปิดร้านกาแฟสดต้นทุนต่ำแบบมืออาชีพ ฟรีค่าแฟรนไชส์และค่าธรรมเนียมต่างๆตลอดชีพ ฝึกอบรมให้ฟรี
นิยามและความหมายของกาแฟสด
โดยทั่วไปกาแฟสด หมายถึง กาแฟทุกพันธุ์ที่ไม่มีส่วนผสมเจือปนของวัตถุดิบอย่างอื่น และต้องทำมาจากเมล็ดกาแฟ 100% จากไร่ไม่ใช่สังเคราะห์ขึ้นจากห้องทดลอง และต้องเป็นเมล็ดกาแฟสดที่ไม่เก่าเก็บไม่มีกลิ่นหืนหรือมีเชื้อรา คุณสมบัติต่างๆของกาแฟสดจะแตกต่างไปจากกาแฟประเภทอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด รสชาดระหว่างกาแฟสดกับกาแฟสำเร็จรูปหรือกาแฟที่เก่าเก็บจะไม่เหมือนกัน ทั้งความหอม ความนุ่ม กาแฟสดจะให้ความหอมกรุ่น รสนุ่มนวลกว่า ไม่มีกลิ่นหืนหรือรสขมเปรี้ยวเหมือนที่เก่าเก็บ หรือรสชาดออกจะธรรมดาอย่างกาแฟสำเร็จรูปที่จำหน่ายในท้องตลาด ดังนั้นกาแฟสดจึงเป็นเสน่ห์ที่เย้ายวนให้นักดื่มลืมรสชาดไม่ลง ร้านกาแฟสดทั้งหมดจึงใช้กาแฟสดเป็นเมนูหลักของร้าน เหตุเพราะผู้คนส่วนมากโดยเฉพาะที่นิยมดื่มกาแฟเป็นประจำจะต้องเรียกหากาแฟสดเป็นอันดับแรกเมื่อไปที่ร้าน จึงเป็นเสมือนพระเอกหรือตัวเอกของร้านทั่วๆไป ถ้าร้านใดไม่มีกาแฟสดบริการลูกค้าแสดงว่าร้านนั้นไม่ใช่ร้านกาแฟเต็มรูปแบบ จะเห็นว่าผู้คนทั่วโลกยอมรับกาแฟสดมากกว่ากาแฟรูปแบบอื่นๆทั่วไป ถ้ากาแฟสดนั้นปรุงได้รสชาดอร่อยมากๆโดยเฉพาะคอกาแฟต้องชื่นชอบหลงเสน่ห์เย้ายวนความอร่อยของกาแฟสด แทบจะดื่มเป็นเครื่องดื่มประจำไปเลย เครื่องดื่มกาแฟสด หรือ fresh coffeeคำนี้เราจะได้ยินและเห็นบ่อยๆ โดยเฉพาะตามแหล่งต่างๆจะมีร้านกาแฟสดตั้งอยู่แทบทุกแห่ง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายๆ โดยเฉพาะตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆมีทุกที่บางแห่งในห้างเดียวมีร้านกาแฟสดหลายเจ้า ส่วนใครจะรสชาดดีอย่างไรก็ต้องแข่งฝีมือกันไป นอกจากความนิยมของนักดื่มอยู่ที่รสชาดของความเข้มและอร่อยของกาแฟสดแล้ว เจ้าของร้านจำเป็นจะต้องรู้จักคัดเลือกพันธุ์ที่ให้ความสดจริงๆ นอกจากดูที่พันธุ์แล้ว วิธีการเก็บก็สำคัญไม่น้อยถ้าเก็บไม่ถูกต้องก็จะทำให้เกิดความชื้นขึ้นได้ ซึ่งจะมีผลทำให้รสชาดของกาแฟสดนั้นเปลี่ยนไป ซึ่งรวมไปถึงการเก็บไว้เป็นเวลานานๆก็อาจทำให้รสชาดของกาแฟสดไม่ดีมีกลิ่นหื่นได้ รสไม่หอมกรุ่นนุ่มนวลเหมือนเช่นกาแฟสดๆและใหม่ ซึ่งในส่วนนี้แล้วแต่วิธีการและการประยุกต์ของแต่ละคนว่าจะได้สชาดแบบใด
ดูวิธีการและเทคนิคการทำกาแฟสดให้มีรสชาดดี
กาแฟทั้งหลายแยกเป็นกลุ่มๆ ดังนี้.-
1. กาแฟสำเร็จรูป เป็นกาแฟที่หาทานง่าย ละลายน้ำร้อนก็ดื่มได้เลย แต่ความหอมและความเข้มข้นจะน้อย เนื่องจากผ่านกระบวนการdehydrateทำให้น้ำกาแฟ กลายเป็นผง เพื่อให้บริโภคง่ายนั่นเอง กาแฟสำเร็จรูปมีทั้งชนิดที่บดเป็นผงแล้วพร้อมชงได้เลยและประเภทบรรจุอยู่ในขวดหรือกระป๋องที่เรียกว่ากาแฟกระป๋อง ซึ่งก็เป็นกาแฟสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่ง รสชาดส่วนมากจะปรุงแต่ง แต่ก็ยังคงรสไว้
2.กาแฟโบราณ เป็นกาแฟที่ชงผ่านถุงชง ตัววัตถุดิบนั้นไม่ใช่เมล็ดกาแฟ 100% มักผสมเมล็ดข้าวโพด และอื่นๆ อาจคั่วใส่เนยด้วย โดยมักจะคั่วค่อนข้างไหม้ มีสีดำเข้ม ต้มเป็นหม้อทีละมากๆ ความสดของกาแฟประเภทนี้จะไม่ค่อยสด
3.กาแฟสด เป็นกาแฟที่ทำจากเมล็ดกาแฟ 100% ไม่มีส่วนผสมของอย่างอื่นมาเจือปน แล้วนำเข้าเครื่องชง แต่ก่อนจะผ่านกระบวนการบดต้องคั่วให้ได้ที่ก่อน การจะได้กาแฟสดที่มีรสชาดดีนั้นต้องมีเทคนิคในการทำในแต่ละขั้นตอน โดยเริ่มตั้งแต่การเก็บเมล็ดกาแฟต้องคัดเลือกเมล็ดที่ไม่แก่และไม่อ่อนจนเกินไป หลังจากนั้นนำเมล็ดนั้นมาตากให้แห้ง ก่อนที่จะนำไปคั่วอย่างพิถีพิถัน หลังจากนั้นจึงนำไปบดในเครื่องบดต่อไป ทำได้จากทุกสายพันธุ์ แต่ในประเทศไทยที่นิยมนำมาบริโภคมีอยู่ด้วยกัน 2 พันธุ์หลัก คือ โรบัสต้า และ อราบีก้า
วิธีการชงมีหลากหลายวิธีดังนี้
3.1 การชงผ่านกระดาษกรอง โดยการนำผงกาแฟใส่ในภาชนะที่มีกระดาษกรอง แล้วเทน้ำร้อนผ่าน
3.2 การชงระบบน้ำผ่าน โดยต้มน้ำจนเป็นไอน้ำ แล้วให้ไอน้ำผ่านผงกาแฟ หยดลงมาในภาชนะ
ทั้ง 2 วิธี จะให้รสชาดที่ไม่เข้มข้นมากนัก
3.3 การชงผ่านเครื่องชงระบบความดัน ที่ใช้กันในร้านกาแฟทั่วไป
จะให้รสชาดที่เข้มข้นมากเนื่องจากมีความดันช่วยคั้นเอาความเข้มข้นและความหอมออกจากผงกาแฟ ทำให้มีรสชาดดีที่สุดนะคะ
ทั้งนี้ก็มีปัจจัยจากคุณภาพและชนิดของเมล็ดกาแฟด้วยนะคะ เมล็ดกาแฟแต่ละเบล็นด์ก็จะให้รสชาดที่แตกต่างกันไป โดยวัตถุดิบหลักๆก็จะมีเมล็ดอยู่ 2 พันธุ์ค่ะ
1.พันธุ์ อราบิกา ปลูกมากทางภาคเหนือของไทย ชอบอากาศเย็น เป็นตัวให้ความหอมของกาแฟเป็นกาแฟพันธุ์ที่ดีมากพันธุ์หนึ่ง
2.พันธุ์ โรบัสตา ปลูกทางภาคใต้ ให้ความเข้มข้นของกาแฟ
ดังนั้นแต่ละเบล็นด์ ก็จะมีสัดส่วนของ อราบิกา และโรบัสตา แตกต่างกัน
และระดับการคั่วที่แตกต่างกัน โดยกาแฟคั่วระดับแรกๆ จะมีรสเปรี้ยว ต่อมาก็จะเริ่มมีความหอมเพิ่มมากขึ้นเป็นสไตล์บลูเมาท์เทน เมื่อคั่วเข้มขึ้น ความหอมก็จะลดลง เป็นเอสเปรสโซ เลยจากจุดนี้ไปกลิ่นไหม้ก็จะแรง กว่ากลิ่นกาแฟค่ะ เป็นศาสตร์และเป็นศิลปะขั้นสูงนะคะในการที่จะเบล็นด์ให้ได้มาตรฐาน
ปัจจุบันนิยมนำกาแฟที่คั่วใหม่ๆและบดใหม่ๆ นำมาปรุงเป็นกาแฟเย็นให้ผู้คนทั่วไปได้ดื่มชิมรสชาดของกาแฟแท้ๆใหม่ๆ ซึ่งจะให้ทั้งความหอมกรุ่น ความสด รสชาดดี ซึ่งจะแตกต่างไปจากชนิดผงทั่วๆไป
ความจริงจากโรงคั่ว ชื่อเบลนด์กาแฟ ต่างๆ ในแต่ละโรงงาน เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเองตามสไตล์การคั่ว และสูตรการผสม เมล็ดกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นจาไมกา บราซิลซันโตส ฯ แต่ละโรงงานจะแตกต่างกัน แฟรนไชส์กาแฟบางแห่งชูจุดขายว่าใช้อราบิกา 100% ที่จริงแล้วอราบิกา 100% ชงกาแฟเย็นไม่อร่อย เนื่องจากมีแต่ความหอม แต่ไม่เข้มข้น เบล็นด์ที่ใช้ชงกาแฟเย็น ต้องผสมโรบัสตาด้วยค่ะ กาแฟสดมีที่มา เริ่มต้นจากการเก็บเมล็ดของชาวสวน แล้วนำมาผ่านขบวนการต่างๆจนเข้าสู่โรงงานคัดกรอง เพื่อคัดแยกและดูแลในเรื่องคุณภาพอีกต่อหนึ่ง เพื่อได้กาแฟสดจริงๆให้ผู้บริโภคได้ลิ้มรสชาด ซึ่งขั้นตอนต่างๆกว่าที่จะมาเป็นกาแฟให้เราดื่มกันนั้น ต้องผ่านหลายขั้นตอน และแต่ละขั้นตอนต้องพิถีพิถันละเอียดในทุกๆจุด ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดกาแฟ เพราะแต่ละพื้นที่ แต่ละประเทศรสชาดไม่เหมือนกัน ซึ่งเกี่ยวข้องหลายปัจจัย ทั้งภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ดิน และอื่นๆหลายอย่าง กว่าจะมาเป็นกาแฟสดรสชาดอร่อยเข้มข้นให้เราดื่มต้องผ่านหลายขั้นตอน เป็นเครื่องดื่มที่นิยมทั่วไป บางคนติดต้องดื่มเป็นประจำ

ที่มา : coffeemade.com



ประโยชน์ของกาแฟ

กาแฟ : คุณประโยชน์ต่างๆของกาแฟ

ประโยชน์ของกาแฟมีมากมายหลายอย่างด้วยกัน ทั้งช่วยผ่อนคลายความเครียด ช่วยบำบัดโรคบางชนิด นอกจากนี้กาแฟยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตัวระงับความเจ็บปวด โดยเฉพาะประโยชน์ของกาแฟในการรักษา
ไมเกรน และกาแฟยังสามารถกำจัดโรคหืดในผู้ป่วยบางคนได้ด้วย คุณประโยชน์บางอย่างของกาแฟอาจส่งผลต่อเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างเช่น กาแฟได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดการฆ่าตัวตายในผู้หญิง และกาแฟยังช่วยป้องกันนิ่วและโรคถุงน้ำดีในผู้ชาย นอกจากนี้กาแฟยังช่วยลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานในทั้งสองเพศ และลดเพียงประมาณ 30% ในผู้หญิง แต่ลดมากกว่า 50% ในผู้ชาย กาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็งและกาแฟยังป้องกันมะเร็งในปลายลำไส้ใหญ่และกระเพาะปัสสาวะ กาแฟสามารถความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในเซลล์ตับ ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของมะเร็งตับ (Inoue, 2005) และสุดท้ายกาแฟช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ ถึงแม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เป็นเพราะมันกำจัดไขมันในเส้นเลือด หรือเพราะว่ามันเป็นมีผลกระตุ้นกันแน่
ยังมีข้อดีอื่น ๆ ของกาแฟที่เป็นเหตุผลให้คนส่วนใหญ่นิยมดื่มกาแฟ เช่น กาแฟช่วยเพิ่ม
ความจำระยะสั้น (short term recall) และกาแฟช่วยเพิ่มไอคิว นอกจากนี้กาแฟยังช่วยเปลี่ยนระบบเมตาบอลิซึมให้มีสัดส่วนของลิพิดต่อคาร์โบไฮเดรตที่ถูกเผาผลาญสูงขึ้น ซึ่งช่วยลดอาการล้ากล้ามเนื้อของนักกีฬา
คุณประโยชน์เหล่านี้บางอย่างจะได้ผลเมื่อดื่มกาแฟเพียงประมาณ 4 ถ้วยต่อวัน (24 ออนซ์) แต่บางอย่างก็ต้องดื่มถึง 6 ถ้วยหรือมากกว่านั้น (32 ออนซ์หรือมากกว่า)กาแฟนอกจากจะให้ประโยชน์ด้านต่างๆแล้ว แต่ก็ให้โทษกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด ซึ่งอาจต้องงดการดื่มกาแฟหรือดื่มให้น้อยลง
ประโยชน์ของกาแฟต่อร่างกาย 1.การดื่มกาแฟเป็นประจำ ช่วยป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ B มีผู้วิจัยพิสูจน์แล้วว่า กาแฟมีประโยชน์ในการป้องกัน โรคดังกล่าว 2. การดื่มกาแฟเป็นประจำ ช่วยป้องกันโรคหอบ โรคนี้ คือ อาการ ภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปเมื่อมีประสาทสำรองไม่ถูกกระตุ้น จะไม่มีอาการหอบเกิดขึ้นง่ายๆ แต่ถ้าหากประสาทสัมผัสสำรองถูกกระตุ้น จะเกิดอาการหอบทันที และคาเฟอีนในกาแฟจะระงับการตึงเครียดของประสาทสัมผัสสำรอง ลดการเกิดโรคหอบ 3. การดื่มกาแฟเป็นประจำ ช่วยลดการเกิดโรคตับจากสุรา ตามที่นักวิชาการสำรวจแล้วพบว่า กาแฟช่วยลดผลร้ายที่จะมีต่อตับ แต่ยังต้องวิจัยต่อไปว่า สารใดที่มีประโยชน์ดังกล่าว และมีผลต่อสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดโรคตับแข็งหรือไม่ นอกจากแอลกอฮอล์ 4. การดื่มกาแฟเป็นประจำ ช่วยป้องกันมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งในช่องปาก จากผลการทดลองจริง พบว่ากาแฟมีประสิทธิภาพป้องกันโรคขั้นต้น โดยเฉพาะในคาเฟอีนมีกรดอะซิติก ที่ช่วยป้องกันโรค 5. การดื่มกาแฟเป็นประจำ ช่วยขับไล่ความชรา ออกซิเจนเป็นสารที่ร่างกายต้องการมากก็จริง แต่ถ้ามีออกซิเจนมากไป ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงและแก่เร็ว โดยเฉพาะกาแฟที่เข้มข้น จะทำให้ออกไซด์แตกตัว ลดการเกิดมะเร็งได้ กระตุ้นการเผาผลาญอาหารในร่างกาย 6. การดื่มกาแฟเป็นประจำ ช่วยกาแฟลดอัตราคอเลส-เตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ ในกาแฟมีนิโคติน แต่ไม่ใช่ชนิดเดียวกับในบุหรี่ แต่เป็นวิตามิน B รวมชนิดหนึ่ง ที่ร่างกายต้องการ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด จึงป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือดแข็งตัว 7. การดื่มกาแฟเป็นประจำ ช่วยละลายไขมัน กาแฟที่ทานหลังอิ่มอาหาร ช่วยให้ไขมันแตกตัว และให้พลังงานทดแทนจึงลดความอ้วนได้ 8. กาแฟเพิ่มไขมันชนิดดีให้ร่างกาย ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ตามผลการวิจัยพบว่า คนที่ดื่มกาแฟบ่อยๆ จะมีไขมันชนิด (HDL) เพิ่มขึ้น ซึ่งไขมันชนิดนี้จะขับไล่คอเลสเตอรอลออกไป ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว 9. การดื่มกาแฟเป็นประจำ ช่วยแก้ปวดศีรษะ กาแฟมีส่วนผสมของคาเฟอีนที่ขยายหลอดเลือด ระงับอาการปวดได้เช่นเดียวกับยาแก้ปวด และยังช่วยขับปัสสาวะ ละลายไขมันในเส้นเลือด และช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ เนื่องจากเมาสุราได้ 10. การดื่มกาแฟเป็นประจำ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมองและสมรรถภาพสมอง มีผู้เชี่ยวชาญสรุปผลการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาว่า ความหอมของกาแฟช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานได้เร็วขึ้น และมีสมาธิ ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น นั้นเป็นเพราะกลิ่นกาแฟ ทำให้เลือดไหลเวียนในสมองเพิ่มขึ้น 11. ดื่มกาแฟเล็กน้อยทำให้น้ำย่อยในกระเพาะหลั่งดีขึ้น ไขมันแตกตัว หากได้ดื่ม กาแฟเล็กน้อยหลังทานอาหารเสร็จ คาเฟอีน ในกาแฟจะมีประโยชน์ต่อกระเพาะโดยตรง น้ำย่อยที่กระเพาะและตับอ่อนเพิ่มขึ้น ไขมันถูกเผาผลาญ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกาแฟถ้าจะถามว่าควรดื่มกาแฟวันละมากน้อยเท่าใด คงหามาตรฐานมาตอบไม่ได้ แต่ส่วนมากจะอยู่ที่วันละ 1-2 แก้ว ต้องดูตามความชอบ และสภาพร่างกายผู้ดื่ม โดยทั่วไป ดื่มให้อร่อยหรือพอใจ คงจะเหมาะสม แต่ก็ควรสังเกตลักษณะอื่นๆ โดยละเอียดดังนี้ ดื่มกาแฟตอนเย็น ทำให้นอนไม่หลับไหม หลายคนเคยมีประสบการณ์มาบ้าง แต่กาแฟก็มีผลต่อร่างกาย แต่ละคนต่างกัน ถ้ากลัวว่าจะนอนไม่หลับ ให้ดื่มน้อยลง ทว่ากาแฟมีผลในการขับปัสสาวะ อาจทำให้ต้องลุกเข้าห้องน้ำกลางดึก รบกวนการนอนได้ คนมีครรภ์ควรดื่มกาแฟไหม เป็นเพราะว่าคาเฟอีนในกาแฟ จะส่งผลต่ออวัยวะภายในของทารกที่ยังอ่อนแออยู่ จึงไม่ควรดื่ม เด็กเล็กไม่ควรดื่มกาแฟ โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 10 ขวบ หญิงลูกอ่อน ที่คลอดลูกแล้ว 100 วัน และอยู่ในช่วงให้นมลูก ไม่ควรดื่มกาแฟ เพราะช่วง 100 วันนี้ ทารกต้องการน้ำนมบริสุทธิ์จากแม่ การดื่มอะไรเข้าไปจะส่งผลต่อทารกได้ จึงต้องระวัง คนเป็นโรคกระเพาะควรงดดื่มกาแฟ เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้น การหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะ จะยิ่งเพิ่มกรดในกระเพาะให้อักเสบมากขึ้น คนเป็นโรคหัวใจ ไม่ควรดื่มกาแฟ เพราะคาเฟอีน มีบทบาทในการกระตุ้นหัวใจ ทำให้เลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งกรณีนี้ไม่เป็นอันตรายต่อเด็กวัยรุ่นถ้าดื่มกาแฟ แต่ถ้าเป็นคนชราที่มีโรคหัวใจอยู่ จะทำให้ประสิทธิภาพหัวใจดีเกินไป และหัวใจเสื่อมเร็ว จึงไม่ควรดื่มอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกาแฟที่เข้มข้นสูงควรหลีกเลี่ยง

ที่มา : coffeemade.com
สีสันและไออุ่นของกาแฟ

กาแฟ เข้ามามีบทบาทกับวิถีชีวิตของคนทั้งโลกมากขึ้นทุกๆวัน สังเกตได้จากคนรุ่นใหม่หันไปดื่มกาแฟแทนอาหารว่างหรือสิ่งมึนเมาแต่ละยี่ห้อ ทั้งนี้บทบาทของกาแฟซึมซับเข้ามาแบบไม่รู้ตัว บางครั้งดื่มแบบไม่ได้ตั้งใจ ดื่มกาแฟเพราะสังคม ดื่มกาแฟเพราะเพื่อนฝูง และอีกหลายคำตอบที่ผู้ดื่มกาแฟแต่ละคนสามารถตอบคำถามนี้ได้ สังคมไทยเริ่มเรียนรู้การดื่มกาแฟยุคแรกๆน่าจะมาจากวัฒนธรรมการดื่มกาแฟจากต่างประเทศ ซึ่งมีคนไทยบางกลุ่มรับวัฒนธรรมนี้มา และนำมาเผยแพร่ในประเทศจนเป็นที่แพร่หลายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร กลับเป็นเรื่องที่ดีและมีประโยชน์ต่อคนไทยและคนทั้งโลกที่จะได้ดื่มด่ำกาแฟได้เต็มที่ กาแฟช่วยสร้างงานสร้างเงินสร้างรายได้ให้กับประชากรภายในประเทศ ชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยก็ต้องเรียกร้องหากาแฟ ซึ่งเป็นสิ่งคู่กับชาวต่างชาติตลอดกาล ซึ่งบางคนขาดกาแฟไม่ได้แม้แต่วันเดียว ซึ่งเท่ากับกาดื่มกาแฟ เป็นค่านิยมของสังคมไปเลยก็ไม่ผิด เพราะถ้ามีการจัดงานที่ไหนไม่ว่างานเล็กหรืองานใหญ่ก็ต้องมีกาแฟเป็นองค์ประกอบร่วมของงานนั้นๆ ในบางรายหลังจากการับประทานข้าวทุกครั้งต้องตามด้วยกาแฟสักแก้ว จึงจะครบสูตร ในบางรายถ้าขาดกาแฟเพียงวันเดียวก็จะรู้สึกกระวนกระวายใจ หงุดหงิด ทำงานไม่ได้ดีเท่าที่ควร ถ้าจะมองว่ากาแฟเป็นสิ่งเสพติดก็อาจจะไม่ผิด เพียงแต่กาแฟไม่ผิดกฎหมาย เพราะทุกสังคมในโลกนี้ยอมรับถึงความคลาสสิคของกาแฟ และเป็นสัญญลักษณ์ของงานเลี้ยงบางประเภทไปแล้ว ไออุ่นของกาแฟชวนให้คนส่วนมากหลงไหลในรสชาด เป็นเพื่อนที่ดีในเวลาที่ต้องการ ตอบสนองนักดื่มได้ทุกสถานการณ์
กาแฟมีทั้งประโยชน์ และอาจสร้างปัญหาให้กับผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพหรือสภาพร่างกายที่ยังไม่พร้อมรับสารในกาแฟ เช่นผู้ที่ป่วยเป็นโรคบางชนิด หรือเด็กที่อายุยังน้อย อาจจะไม่เหมาะสมกับสภาพของร่างกายที่จะรับได้ ดังนั้นต้องประเมินร่างกายของตัวเองได้ว่า ควรดื่มหรือไม่ ดื่มแล้วจะสร้างปัญหาให้กับตัวเองหรือไม่ แต่โดยทั่วๆไป กาแฟมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายหลายๆด้าน ( ดูจากประโยชน์ของกาแฟ )


ที่มา : coffeemade.com

19.10.08

คอกาแฟควรรู้

คอกาแฟควรรู้

กาแฟ เครื่องดื่มยอดนิยมตลอดกาลของมนุษย์ ทุกที่ต้องมีร้านกาแฟไว้คอยบริการคอกาแฟ และในอนาคตอาจจะเป็นเครื่องดื่มที่จำเป็นชนิดหนึ่ง ในกาแฟมีสารคาเฟอีน เป็นสารประกอบหลัก มีลักษณะเป็น ผงสีขาว มีรสขม มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจและระบบประสาทส่วนกลาง อย่างอ่อน ช่วยให้สมองที่เฉื่อยเนือย มีการตื่นตัวมากขึ้น แต่เป็นการ ชั่วคราวเท่านั้น และไม่มีผลต่อการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้ยังไปกระตุ้นกระเพาะอาหารให้หลั่งกรด บางชนิด ออกมาเพื่อ ช่วยในการย่อยอาหารและขยายลมปอด สำหรับฤทธิ์ของคาเฟอีนที่มีผลต่อร่างกาย พบว่าค่าความ ปลอดภัยอยู่ที่ 100-300 มก. แต่ถ้าดื่ม กาแฟเป็นประจำและ ได้รับคาเฟอีนมากกว่า 300 มก.ต่อวัน ก็มีโอกาสเพิ่มอัตราเสี่ยง ต่อโรคหัวใจ โดยผลวิจัยบอกว่าเสี่ยงในอัตรา 2-8 เท่าของคนที่ ไม่ดื่มกาแฟ แต่หากวันหนึ่งๆ ดื่มกาแฟชงแก่ๆ 5-6 ถ้วยต่อวัน ก็อาจมีอาการ Coffeenism ขึ้น โดยจะกระวนกระวาย ปวดศรีษะ และหัวใจเต้นแรงเร็ว เพราะปริมาณคาเฟอีนจะเพิ่มสูง ขึ้นมากกว่า 600 มก. ส่วนคาเฟอีน ขนาดที่ทำให้เสียชีวิต มีรายงาน จาก อย. กระทรวงสาธารณะสุขของไทยว่า คาเฟอีนประมาณ 10 กรัม หรือเท่ากับกาแฟแก่ๆ 80-100 ถ้วย หรือโคล่า 200 กระป๋องที่ต้องดื่มให้หมดภายในครึ่งชั่วโมง การศึกษาใหม่ รายงานในวารสารการแพทย์ sleep โดยศึกษาอย่างละเอียดถึงกลไกการนอนหลับของคน พบว่า คาเฟอีนในกาแฟ จะช่วยในคนที่ง่วงนอนได้ดีเมื่อให้ในปริมาณ และเวลาที่เหมาะสม พบว่า การดื่มกาแฟตอนตื่นเช้า ไม่ได้ช่วยมากนัก ต่างกับดื่มเป็นช่วง ๆ ทั้งเช้าบ่าย โดยไม่จำเป็นต้องแก่จัด การศึกษานี้ยังกล่าวด้วยว่า ในคนที่ต้องทำงานนาน ๆ การดื่มกาแฟ ช่วยลดการง่วงและอุบัติเหตุลงได้จริง คอกาแฟอย่างเราๆ ท่าน ๆ คงจะชอบใจมาก กาดื่มกาแฟเป็นประจำมีผลดีต่อถุงน้ำดี จากการที่ทำการวิจัยโดยอาสาสมัครชาย 45,000 คน ดื่มกาแฟวันละ สองแก้วต่อวัน จะสามารถลดการเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้ถึง 40 เปอร์เซนต์ และถ้าดื่มวันละ สี่แก้วสามารถลดได้ถึง45 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว โดยกาแฟที่ดื่มเข้าไปนั้นจะเข้าไปป้องกันการตกตระกอนของคลอเรสเตอรอล ลดการดูดชึมของเหลวเพิ่มการไหลของน้ำดีที่กรวยไต ซึ่งทั้งหมดเป็นสาเหตุของการยับยั้งการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี กาแฟกับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ สี่แก้ว จะสามารถลดการเกิดมะเรงลำไส้ใหญ่ได้ถึง 24 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เดิมกาแฟเลยเพราะกาแฟจะไปกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่ผลิตสารที่มีผลยับยั้งการก่อตัวของ เนื้อเยื่อที่กลายพันธ์จากเซล์ธรรมดากลายไปเป็นเซลล์มะเร็ง และในกาแฟยังสามารถยับยั้งการเติบโต ของจุลินทรีย์ในลำไส้อันเป็นต้นเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งอีกด้วย อาการปวดศีรษะ สารคาเฟอีนมีส่วนสำคัญที่สามารถบรรเทาอาการปวดต่างๆได้ แต่สารคาเฟอีนในกาแฟเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะยับยั้งอาการปวดหัวได้ แต่ถ้าคุณรับประทานพร้อมกับยาแก้ปวด ก็จะมีผลช่วยบรรเทาอาการปวดได้อย่างรวดเร็วขึ้น ผลต่อกระเพาะอาหาร การดื่มกาแฟเข้าไปจะไปช่วยให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดและน้ำย่อยออกมาในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการจุก แน่นท้องเนื่องจากรับ ประทานมากเกินไป แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะก็ควรระวังการดื่มกาแฟเวลาท้องว่างด้วยเพราะจะมีผลต่อกระเพาะอาหารโดยตรง อาจทำให้มีอาการมากขึ้น จะเป็นซีอีโอได้ต้องหัดดื่มกาแฟ เครื่องช่วยให้บังเกิดความสำเร็จ
ศาสตราจารย์วิชาไซเบอเนติกส์ ศึกษาพบสรรพคุณของกาแฟว่า ช่วยให้สมองไวขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้นได้ แค่ซดกาแฟเข้าไปเพียงหนเดียว ได้ยกระดับเชาวน์ให้สูงขึ้นได้ทันตาเห็น อาจเป็นเครื่องบังเกิดความสำเร็จทางด้านธุรกิจได้
ศาสตราจารย์เควิน วอร์วิก ศาสตราจารย์วิชาเรื่องระบบควบคุม และสื่อสารของเครื่องจักรและสิ่งมีชีวิตของมหาวิทยาลัยรีดดิงแห่งสหรัฐฯ ได้เสนอรายงานผลการศึกษา ต่อที่ประชุมของสถาบันพัฒนาบุคคลว่า ได้พบในการศึกษาพบว่า การดื่มกาแฟช่วยให้บุคคลมีระดับเชาวน์สูงขึ้นได้ในระยะสั้น ได้ถึง 3 จุด เขากล่าวว่า คุณประโยชน์ของมัน จะเป็นเครื่องช่วยให้ยังความสำเร็จในทางธุรกิจได้ ขณะเดียวกัน สถาบันสาธารณสุขแห่งชาติที่ฟินแลนด์ ได้รายงานผลการศึกษาวิจัยที่ได้ทำกับผู้ชาย ที่อยู่ในวัยระหว่าง 35-64 ปี เกือบ 7,000 คน และผู้หญิงอีก 7,700 คนว่า ได้พบว่า การดื่มกาแฟ อาจจะช่วยป้องกันโรคเบาหวานแบบที่สอง ซึ่งมักเป็นกับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปได้ คนเป็นโรคเบาหวานเนื่องจากร่างกายดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งมีหน้าที่ทำให้เซลล์ต่างๆ ดูดซึมกลูโคสอันเป็นน้ำตาลในเลือด จนเหลือตกค้างอยู่ในเลือด ในการศึกษาได้พบว่า ผู้หญิงผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำวันละ 3-4 ถ้วย จะมีโอกาสเป็นโรคน้อยกว่าเพื่อนผู้ที่ไม่ชอบดื่มกาแฟ ถึง 29% ยิ่งถ้าเป็นคอกาแฟพันธุ์แท้ ดื่มหนักถึงวันละตั้ง 10 ถ้วยขึ้นไป จะห่างจากโรคได้เกือบ 80% ทีเดียว. สำหรับวิธีแก้ง่วงที่ช่วยคลายความง่วงได้ผลในกลุ่มคนเหล่านี้คือ การชวนผู้อื่นคุย การดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน และการจอดรถงีบหลับก่อนขับต่อไปแต่วิธีที่ถูกใช้บ่อยที่สุดคือ การดื่มกาแฟ มากถึงร้อย ละ 91 น.พ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการ ทุนง่วงอย่าขับฯ แนะวิธีป้องกันการหลับในอย่างง่าย ๆ ว่า “ถ้าเริ่มง่วง ให้ดื่มกาแฟ 1-2 แก้ว หรือเครื่องดื่มชูกำลังที่มีกาเฟอีน 1-2 ขวด ใช้เวลาประมาณ 30 นาที กาเฟอีนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด แล้วออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท ทำให้คลายความง่วงลงได้ แต่ถ้ารู้ตัวว่าง่วงมากต้องจอดแวะข้างทาง งีบ 15 นาที และก่อนจะงีบ ควรดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนก่อน เมื่อตื่นขึ้นมาจะ กระปรี้กระเปร่า สามารถขับต่อไปได้โดยปลอดภัย” วิธีการเหล่านี้เป็นเพียงวิธีการแก้ไขเมื่อเกิดอาการง่วงระหว่างขับเท่านั้น ที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนให้เพียงพอ โดยปกติคนส่วนใหญ่ต้องนอนประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน การนอนหลับให้เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพที่ดี เหมือนกับการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และการออกกำลังกายหากนอนไม่พอ รู้ตัวว่าง่วง ก็ไม่ควรฝืนขับ ไม่เช่นนั้นอาจจะได้หลับยาวไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้...
คาเฟอีนในกาแฟมีผลกระทบต่อความดันเลือดสูง โดยการดื่มกาแฟจะเป็นการเพิ่มการขับออกของแคลเซียมซึ่งจะเป็นผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการมีความดันเลือดสูง มีการศึกษาที่บ่งชี้ว่ากาแฟที่ไม่ได้กรองอาจจะเพิ่มระดับของโคเลสเตอรอลชนิดความหนาแน่นต่ำ และเอนไซม์ Alanine aminotransferase ซึ่งเป็นตัวบ่งที่บอกถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตับ ส่วนกาแฟที่ผ่านการกรองจะไม่มีความเสี่ยงดังกล่าว
ดังนั้นการดื่มกาแฟของท่านก็ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม จึงจะได้ประโยชน์จากกาแฟจริงๆตามคำแนะนำดีๆข้างต้น


ที่มา : coffeemade.com

พันธุ์กาแฟ

พันธุ์กาแฟ

ในโลกนี้กาแฟมีหลากหลายสายพันธุ์ กาแฟบางสายพันธุ์ก็ได้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว การเรียกกาแฟในแต่ละสายพันธุ์จะเรียกตามพื้นที่ปลูกบ้างหรือพื้นที่ที่พบพันธุ์ของกาแฟนั้นในครั้งแรกบ้าง กาแฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยมจากนักดื่มส่วนใหญ่มีอยู่ด้วยกัน 3 สายพันธุ์ คือ

1. โรบัสต้า ( Robusta )
2. อะราบีก้า ( Arabica )
3. ไลเบริกา ( Libelica )
กาแฟสายพันธุ์ โรบัสต้า เป็นสายพันธุ์ที่มีความทนทานต้านทานโรคสูง ปลูกง่าย ให้ผลผลิตต่อไร่สูง การบำรุงรักษาทำได้ง่าย กาแฟสายพันธุ์นี้มีปริมาณของคาเฟอีนประมาณ 2% นิยมนำไปทำเป็นกาแฟผงหรือกาแฟสำเร็จรูปรวมไปถึงการนำไปผสมกับสายพันธุ์อื่นเพื่อให้มีรสชาด กลิ่น ที่แปลกไปจากเดิมหรือที่เรียกว่าเบลนด์กาแฟนั่นเอง ส่วนกาแฟพันธุ์อะราบีก้า ซึ่งจัดได้ว่าเป็นกาแฟที่มีสายพันธุ์ดีที่สุดพันธุ์หนึ่ง แต่การเพาะปลูกและการดูแลรักษาจะทำได้ยากกว่ากาแฟสายพันธุ์อื่นๆ กาแฟพันธุ์อะราบีก้าต้องปลูกในพื้นที่ที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลเป็น 1000 เมตร ผลผลิตจะได้น้อยกว่าพันธุ์โรบัสต้าครึ่งต่อครึ่ง กาแฟพันธุ์อะราบีก้ามีปริมาณคาเฟอีนอยู่ประมาณ 1% แต่เป็นพันธุ์กาแฟที่มีผู้คนนิยมดื่มสูงมากกว่าพันธุ์อื่นๆราคาก็ค่อนข้างแพงกว่าพันธุ์อื่น ส่วนกาแฟพันธุ์ไลเบริกา เป็นพันธุ์กาแฟที่มาจากแถบแอฟริกา การปลูกและการดูแลรักษาทำได้ง่ายเหมือนโรบัสต้า แต่ราคาจะไม่ดีเท่าอะราบีก้า ผู้คนนิยมดื่มกาแฟพันธุ์นี้น้อยกว่าสองพันธุ์แรก ส่วนมากจะนำกาแฟพันธุ์นี้ไปปรุงพิเศษหรือการผสมรวมกับกาแฟพันธุ์อื่นนั่นเอง เพื่อให้ได้รสชาดและกลิ่นตามความต้องการดื่มของแต่ละคน
ในประเทศไทยมีการผลิตกาแฟทั้งสิ้น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ กาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta coffee) ซึ่งเพาะปลูกมากแถบจังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่ และ นครศรีธรรมราช คิดเป็นปริมาณประมาณปีละ 80,000 ตัน และกาแฟพันธุ์อาราบิก้า (Arabica coffee) เพาะปลูกมากแถบจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และตาก ซึ่งเป็นพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลและอากาศเย็น ซึ่งคิดเป็นปริมาณปีละประมาณ 500 ตัน กาแฟพันธุ์โรบัสต้า ในประเทศไทย นิยมนำมาทำเป็นกาแฟผงสำเร็จรูป (Instant coffee) โดยชงละลายกับน้ำร้อน ดื่มได้ทันทีโดยไม่ต้องกรองกากออก จะเห็นว่าประเทศไทยนอกจากนิยมปลูกกาแฟสองพันธุ์นี้แล้วยังนิยมดื่มกาแฟทั้งสองสายพันธุ์นี้ด้วย และร้านกาแฟสดส่วนมากก็นิยมนำกาแฟทั้งสองพันธุ์นี้ออกจำหน่ายกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นกาแฟสายพันธุ์หลักหรือยอดฮิตของนักดื่มกาแฟก็ว่าได้


ที่มา :

ความแตกต่างของกาแฟไทยกับกาแฟต่างประเทศ

ความแตกต่างของกาแฟไทยกับกาแฟต่างประเทศ

กาแฟถึงแม้ว่าจะเป็นพืชชนิดเดียวกันทั่วโลก แต่กาแฟแต่ละพันธุ์จะขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา ซึ่งจะทำให้รสชาดต่างๆไม่เหมือนกันในแต่ละท้องที่ การเปรียบเทียบในที่นี้จะใช้กาแฟพันธุ์อาราบีก้าเป็นตัวเปรียบเทียบเป็นหลัก เหตุเพราะกาแฟพันธุ์อาราบีก้าถือเป็นกาแฟพื้นฐานหลักที่สำคัญสำหรับนักดื่มทั่วโลก มีปริมาณการผลิตมากกว่าพันุ์อื่นๆคิดเป็นร้อยละ 80-90 ของพันธุ์กาแฟทั้งหมด ในส่วนของประเทศไทยกาแฟพันธุ์อาราบีก้ามีปริมาณการผลิตประมาณ 5% เหตุเพราะมีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่การปลูกกาแฟ ซึ่งกาแฟพันธุ์นี้ต้องปลูกในพื้นที่สูงบนยอดดอย ซึ่งส่วนมากจะเป็นทางภาคเหนือของประเทศ ต่างจากกาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่มีแหล่งปลูกที่แพร่หลายและมากที่สุดในทางภาคใต้ของประเทศ ดังนั้นจะเห็นว่าความแตกต่างของกาแฟไทยกับกาแฟต่างประเทศจึงขึ้นอยู่กับพันธุ์ของกาแฟที่ทำเป็นการค้า ซึ่งในต่างประเทศจะนิยมปลูกกาแฟพันธุ์อาราบีก้าเป็นหลัก ส่วนในประเทศไทยของเราจะนิยมปลูกพันธุ์โรบัสต้า หากเปรียบเทียบกันระหว่างกาแฟพันธุ์อาราบีก้าของต่างประเทศซึ่งมีแหล่งผลิตที่สำคัญและหลากหลายล้ว พบว่าโอกาสของกาแฟอาราบีก้าจากต่างประเทศสามารถเลือกกาแฟคุณภาพจากแหล่งผลิตได้มากกว่า มีชื่อแหล่งผลิตกาแฟพันธุ์อาราบีก้าคุณภาพดีที่ผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มได้หลายชนิดในท้องตลาด ปัจจุบันผู้ผลิตและผู้บริโภคกาแฟหันมานิยมกาแฟอาราบีก้าคุณภาพพิเศษ โดยให้ความสำคัญกับการปลอดสารพิษและการผลิตที่หลีกเลี่ยงจากสารเคมีที่มีอันตราย หรืออาจจะพูดได้ว่านักดื่มกาแฟส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจในกาแฟปลอดสารมากขึ้นเรื่อยๆ


ที่มา : coffeemade.com

18.10.08

อะราบีก้า / Arabica

อะราบีก้า / Arabica

กาแฟสายพันธุ์อะราบีก้า ( Arabica ) ถือเป็นกาแฟที่เป็นที่สุดของกาแฟ ถือว่าเป็นราชินีบนยอดดอยก็ว่าได้ เพราะกาแฟพันธุ์อะราบีก้านี้เป็นกาแฟพันธุ์ที่ปลูกและดูแลรักษาค่อนข้างยากลำบาก ต้องปลูกในที่สูงและอุณหภูมิที่เหมาะสมจึงจะได้กาแฟรสดีไม่เพี้ยนไปจากพันธุ์ดั้งเดิม โดยความสูงต้องตั้งแต่ 7010 เมตรขึ้นไปจากระดับน้ำทะเลและมีความลาดเอียงของพื้นที่ปลูกไม่เกิน 30% อุณหภูมิที่พอเหมาะจะอยู่ที่ 15 - 25 องศาเซลเซียส และมีความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 60% นี่คือส่วนหนึ่งของข้อมูลกาแฟพันธุ์อะราบีก้า ซึ่งยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย สายพันธุ์แท้ของกาแฟอะราบีก้า สายพันธุ์กาแฟอะราบีก้ายังแยกย่อยไปอีกหลายกลุ่มที่มีการปลูกทั้งภายในประเทศและในต่างประเทศ - พันธุ์คาทูร่า ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของกาแฟอะราบีก้าดั้งเดิม

- พันธุ์ทิปปีก้า
- พันธุ์เบอร์บอน
- พันธุ์อิคาทู
- พันธุ์มันโดโนโว
- พันธุ์คาทุย
- พันธุ์คาติมอร์
นี่คือสายพันธุ์แท้ของกาแฟอะราบีก้าที่ปลูกกันทั่วไปในปัจจุบัน

ที่มา: coffeemade.com



มาสร้างธุรกิจร้านกาแฟกับแฟรนไชส์กาแฟสด

มาสร้างธุรกิจร้านกาแฟกับแฟรนไชส์กาแฟสด

ต้นทุนต่ำที่นี่ รับรองงบประมาณไม่บานปลาย ควบคุมงบประมาณได้ง่าย บริหารและจัดการต่างๆได้อย่างง่ายดาย คุณเป็นเจ้าของร้านกาแฟสด 100%

ในปัจจุบันมีผู้ที่สนใจหันมาลงทุนทำธุรกิจส่วนตัวกันมากขึ้น โดยเฉพาะร้านกาแฟสด เป็นธุรกิจส่วนตัวที่มีผู้ให้ความสนใจในการลงทุนมากเป็นพิเศษอันดับต้นๆของธุรกิจขนาดเล็ก เป็นธุรกิจยอดฮิตอย่างต่อเนื่องนิยามของการทำธุรกิจส่วนตัวหรือการสร้างธุรกิจส่วนตัว คือทางออกของคนที่ชอบอิสระและความเป็นส่วนตัวปลดแอกจากมือปืนรับจ้าง(ลูกจ้าง) ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์จินตนาการและทดสอบฝีมือของตัวเอง ว่าหนึ่งสมองกับสองมือที่เคยสร้างสรรค์ให้คนอื่นเขารวยมามากแล้วจะทำได้หรือไม่ ที่นี่คือสนามทดสอบฝีมือของคุณได้เป็นอย่างดี การทำธุรกิจส่วนตัวคือการริเริ่มที่ดีเป็นตัวตนของคุณจริงๆศูนย์ธุรกิจ สร้างผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดย่อม ด้วยธุรกิจร้านกาแฟสด เครื่องดื่มยอดนิยมตลอดกาลของโลก เราให้คุณเป็นเจ้าของร้านกาแฟสดแบบง่ายๆ ตามสไตล์ของคุณ ลดเงื่อนไขที่ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณ ให้อิสระและให้คุณเป็นเจ้าของบริหารและจัดการด้วยมันสมองของคุณ เป็นนายของตัวเองไม่มีใครมากำกับหรือวุ่นวายให้รำคาญใจ เป็นธุรกิจส่วนตัวที่ให้โอกาสและอิสระกับคุณอย่างเต็มที่ ปัจจุบันผู้คนเริ่มสนใจมาสร้างธุรกิจส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสาเหตุอาจจะมาจากหลากหลายเหตุผลของแต่ละคน บางท่านอาจจะต้องการความอิสระ เป็นเจ้านายของตัวเอง ไม่ต้องการอยู่ภายใต้อำนาจของใครควบคุมหรือสั่งการ บางท่านเบื่อชีวิตลูกจ้าง เพราะทำไปเท่าไรก็ไม่มีทางรวยกว่านายจ้างแน่นอน แถมบางครั้งต้องเงินขาดมือบ่อยๆ ชีวิตจำเจ ฯลฯ ดังนั้นทางออกหรือคำตอบก็คือ การสร้างธุรกิจส่วนตัวขึ้นมานั่นเอง ธุรกิจส่วนตัวในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงคุณมีความพร้อมในบางอย่าง ซึ่งไม่จำเป็นต้องครบทุกอย่างถึงลงมือทำ เพียงคุณมีเงินเพียงหลักพันหรือหลักหมื่นและมีความรู้หรือประสบการณ์ในธุรกิจที่จะทำก็ใช้ได้แล้ว แต่ถ้าคุณมีเงินแต่ไม่มีประสบการณ์หรือความรู้ในธุรกิจที่คิดอยากจะทำ คุณก็สามารถหาความรู้เพิ่มเติมในเวลาไม่นานก็สามารถสร้างธุรกิจได้แล้ว ซึ่งอาจจะทำเงินให้คุณเป็นกอบเป็นกำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่างๆและเทคนิคกลยุทธ์ที่คุณต้องเติมแต่งใส่ในธุรกิจที่ทำ แฟรนไชส์เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่น่าสนใจ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ใดๆก็ได้ คุณจะได้รับการฝึกฝนอบรมเรียนรู้ในตัวสินค้าและธุรกิจตลอดจนการบริหารจัดการต่างๆอย่างครบถ้วน ธุรกิจแฟรนไชส์จึงเป็นธุรกิจยอดนิยมธุรกิจหนึ่งที่มีผู้สนใจจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟหรือแฟรนไชส์กาแฟสด เพราะโดยตัวสินค้าคือกาแฟ ก็สามารถขายตัวของมันได้อยู่แล้ว เพราะกาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่คนทั่วๆไปนิยมดื่มกัน ซึ่งจะเห็นธุรกิจร้านกาแฟสดเกิดขึ้นจำนวนมากกระจายอยู่ตามชุมชนและแหล่งชอปปิ้งห้างสรรพสินค้าทั่วๆไป
ทำธุรกิจส่วนตัวหรือสร้างธุรกิจส่วนตัวด้วยธุรกิจร้านกาแฟสด ที่ลงตัวและลงทุนน้อย ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ก็สามารถทำได้ สร้างธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง
ทำไมต้องเลือกทำธุรกิจส่วนตัวด้วยการเปิดร้านกาแฟสดกับเรา แฟรนไชส์กาแฟสดเจ้าอื่นไม่น่าสนใจหรือ???
แฟรนไชส์กาแฟสดบลูเมาท์เทนคอฟฟี่ เราเป็นแฟรนไชส์กาแฟที่ให้บริการลูกค้ามาเป็นเวลานานแล้ว มีลูกค้าที่เปิดร้านกาแฟสดกระจายอยู่ทั่วประเทศ และมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในทุกๆเดือน เราให้บริการครบวงจรในธุรกิจร้านกาแฟ ตั้งแต่การให้สิทธิ์ถือแฟรนไชส์ในชื่อของเรา โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าแฟรนไชส์ใดๆ เหมือนเจ้าอื่นๆในท้องตลาด นอกจากนี้ยังฝึกอบรมสอนเกี่ยวกับตัวสินค้า การบริหารการจัดการต่างๆครบถ้วนฟรีๆ ไม่มีค่าธรรมเนียมการฝึกอบรมใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เรามองเห็นว่าเพื่อเป็นการลดรายจ่ายผู้ประกอบการร้านกาแฟจะได้มีต้นทุนที่ถูกลง ซึ่งจะมีผลทำให้คืนทุนได้อย่างรวดเร็ว ผลกำไรที่ได้ก็จะเร็วตามไปด้วย อีกอย่างก็ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมที่จะต้องจ่ายเจ้าของแฟรนไชส์ในแต่ละเดือน งบประมาณควบคุมได้ตลอดเวลาไม่บานปลาย ซึ่งถ้าเป็นแฟรนไชส์ที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนและค่าบริหารจัดการหรือเปอร์เซ็นต่างๆ รับรองงบประมาณบานปลายอย่างแน่นอน บางครั้งหักลบกลบหนี้แล้วอาจขาดทุนได้ง่ายๆ แต่ของเราสามารถควบคุมรายจ่ายงบประมาณแต่ละครั้งได้อย่างสบายใจ เพราะเราได้วางระบบมาตรฐานที่รู้ถึงจุดอ่อนในแต่ละจุดดี จึงได้วางมาตรการป้องกันความเสี่ยงเอาไว้ก่อน เป็นโมเดลทางธุรกิจที่ออกแบบเพื่อลดความเสี่ยง
สร้างธุรกิจส่วนตัวหรือทำธุรกิจส่วนตัวให้ก้าวไกล มีผลกำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยธุรกิจร้านกาแฟสด ธุรกิจขนาดเล็กที่ทำเงินได้อย่างต่อเนื่องตลอดกาล วันนี้แฟรนไชส์กาแฟสดบลูเม้าท์เทนคอฟฟี่ให้คุณทำธุรกิจร้านกาแฟสด ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจส่วนตัวแบบสำเร็จรูป รวมทุกอย่างอยู่ในจุดเดียว ไม่ยุ่งยากหรือสลับซับซ้อนเหมือนกับการทำธุรกิจอย่างอื่น นี่คือทางเลือกสำหรับการทำธุรกิจร้านกาแฟสดของคนรุ่นใหม่ที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
ด้วยหนึ่งสมองกับสองมือ การทำธุรกิจส่วนตัวหรือสร้างธุรกิจส่วนตัวคุณก็ทำได้สำเร็จ ธุรกิจร้านกาแฟสดคืออีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสำหรับคุณคนรุ่นใหม่ หัวคิดสร้างสรรค์

ที่มา : coffeemade.com

เส้นทางลัดในการสร้างธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง

เส้นทางลัดในการสร้างธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง เราจัดธุรกิจที่สำเร็จรูปแล้วไว้ต้อนรับท่าน พร้อมลงมือดำเนินธุรกิจได้ทันที

การสร้างธุรกิจ ร้านกาแฟ หรือ ร้านกาแฟสด สมัยปัจจุบันทำได้ง่ายๆโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกาแฟหรือธุรกิจร้านกาแฟใดๆมาก่อน แฟรนไชส์กาแฟหรือแฟรนไชส์กาแฟสดคือการสร้างร้านกาแฟทางลัด แต่ในการเลือกแฟรนไชส์กาแฟแต่ละเจ้าต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจ เพราะแฟรนไชส์กาแฟมีทั้งประเภทเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆและค่าบริหารจัดการรวมถึงการมีบทบาทเข้าไปร่วมบริหารจัดการกับผู้ซื้อแฟรนไชส์ แต่ก็มีประเภทแฟรนไชส์ที่ไม่เลือกจัดเก็บค่าธรรมเนียมใดๆก็มี ซึ่งรวมถึงแฟรนไชส์กาแฟสดของบลูเมาท์เทนคอฟฟี่ด้วย ของเราจะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใดๆกับผู้ซื้อแฟรนไชส์ทุกท่าน นอกจากนี้ยังฝึกอบรมและเทรนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธุรกิจร้านกาแฟครอบคลุมทุกจุดให้ฟรีๆ จะเห็นว่าการสร้างร้านกาแฟหรือร้านกาแฟสดทำได้ง่ายๆ โดยทางเราเน้นที่ต้นทุนของผู้ที่ต้องการสร้างร้านกาแฟเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อไม่ให้งบประมาณสูงเกินไปและงบประมาณไม่บานปลายซึ่งจะมีผลต่อจุดคุ้มทุนเร็วหรือช้ากำไรเร็วหรือขาดทุน เราจะจัดให้ตามงบประมาณที่ท่านมีและเหมาะสมกับตัวท่านเอง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้แบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ นอกจากนี้เรายังมอบเอกสิทธิ์เจ้าของร้านกาแฟเป็นของท่านเต็ม 100% ไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการใดๆ แต่จะช่วยให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาในเวลาที่ท่านต้องการ เราให้สิทธินำโลโก้กาแฟบลูเมาท์เทนคอฟฟี่ไปติดที่หน้าร้านหรือเคาน์เตอร์กาแฟได้โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆตลอดชีพ จะเห็นว่าการเปิดร้านกาแฟกับเราทำได้ง่ายๆไม่มีขั้นตอนอะไรยุ่งยากหรือสลับซับซ้อนใดๆ เพราะนโยบายของเราก็คือทำเรื่องการสร้างธุรกินร้านกาแฟจากเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เพื่อเปิดทางให้ทุกท่านได้เป็นเจ้าของร้านกาแฟสดได้โดยง่ายนั่นเอง นอกจากนี้ทางเรายังยืดหยุ่นสำหรับลูกค้าที่ต้องการสร้างร้านกาแฟสดโดยสามารถซื้อเพียงอุปกรณ์กาแฟชิ้นใดชิ้นหนึ่งได้หรือจะซื้อครบเซทเลยก็ได้ เราทำตามความต้องการของลูกค้าเป็นเกณฑ์ เพื่อลูกค้าจะได้สบายใจเมื่อใช้บริการแฟรนไชส์ร้านกาแฟกับเรา
สร้างธุรกิจร้านกาแฟสดเป็นของตัวเอง ง่ายและรวดเร็ว ใช้เงินทุนน้อย งบประมาณไม่บานปลาย

ที่มา : coffeemade.com



17.10.08

เรื่องของกาแฟ..จิบยังไงให้อร่อย

เรื่องของกาแฟ..จิบยังไงให้อร่อย

การจิบกาแฟแต่วันละสองสามแก้วนั้น ไม่มีโทษฐานหนักหนา เท่ากับการซดโฮกๆ วันละสิบแก้วดอกหนา..คุณอาจจิบกาแฟแค่เพื่อให้ตาสว่างในยามเช้า หรือยามบ่ายที่อิ่มหนักแสนง่วงงุน กาแฟ หรือชาร้อนๆ สักแก้วก็สามารถทำให้หูตาสว่างว่าบขึ้นมาได้เร็วพลัน ...เลือกดื่มกาแฟ หรือชาอ่อน ๆ ก็จะทำให้รักษาสุขภาพที่ดีเอาไว้ได้ไม่ยาก กาแฟยามเช้า เลือกยี่ห้อที่คุณโปรด หรือจะเลือกแบบชนิดมีกากมาต้มในหม้อก็อร่อยไปอีกแบบ แต่มีข้อแม้ว่าต้องต้มด้วยน้ำเย็นให้เดือดก่อน อย่าเทน้ำร้อนพรวดไปให้เสียรสชาติเป็นอันขาด พอน้ำเดือดค่อยเทจากกาผสมกับกาแฟ คนเข้าให้กัน ผสมนม น้ำตาล แล้วจิบทีละนิดได้เลย ไม่ต้องรอให้อุ่นก่อน การจิบทีละนิดจะไม่ทำให้คุณปากพองเหมือนกับการซดโฮกใหญ่ น้ำชายามบ่ายคล้อย ชวนเพื่อนๆ มาจิบน้ำชาด้วยหลังเลิกงาน หรือยามบ่ายวันหยุด เลือกชาจีนกลิ่นมะลิหอมๆ กับขนมหวาน เช่น ฝอยทองกรอบสองสามชิ้นก็อร่อยยอดแล้ว แต่ถ้าจะให้อร่อยแบบฝรั่งมากอีกนิด ก็ต้องชงชาฝรั่ง ครีม น้ำตาล หรือชากาแฟร้อนๆ รับประทานกับขนมเค้นชิ้นเล็กๆ คุกกี้ ขนมปังขิง หรือจะให้หนักท้องอีกนิดก็ต้องแซนวิชสักคู่ กาแฟและชาอร่อยๆ แบบนี้ อย่ามัวจิบเพลินจนลืมทำงาน หรือลืมนัดกับใครนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน...

ที่มา : school.net.th



กาแฟ เมื่อแรกมีในประเทศไทย

กาแฟ ซึ่งเป็นไม้ตระกูลกาแฟ (Coffeฟ) ไม่ใช่ที่มีในเมืองไทย หากมีผู้นำมาปลูกจากทวีปแอฟริกา ที่นิยมปลูกและดื่มกันมมาก ได้แก่ พันธุ์อะราบิกา(Coffea arabica) เป็นพันธุ์กาแฟจากอะบิสสิเนีย ตามบันทึกของพระยาวินิจวนันดร ปลูกกันมากครั้งแรกๆที่จังหวัดจันทบุรี เมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2393 หรือเมื่อกว่า 150 ปีมาแล้วพระยาวินิจวนันดร ได้บันทึกไว้ว่าไม้สกุลกาแฟ (Coffea) มีอยู่ตามธรรมชาติทั่วไปในภาคร้อนของทวีปเอเชียและอัฟริกา ไม้ในประเทศไทยเองก็มีอยู่ สองสามชนิด แต่ละชนิดที่ให้กาแฟที่ใช้ดื่มกันทุกวันนี้ เป็นพันธุ์ไม้ของทวีปอัฟริกาทั้งสิ้น และที่เรียกตามชื่อพฤกษศาสตร์ว่า คอฟเฟีย อะแรบิกา (Coffea arabica) ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ของอะบิสสิเนีย เป็นชนิดที่นิยมปลูกกันแพร่หลายที่สุด กาแฟที่ปลูกกันในประเทศไทยที่มีอยู่ 2-3 ชนิด และชนิดที่ปลูกกันมากที่สุด เช่น ที่จันทบุรี ก็คือ คอฟเฟีย อะแรบิกาดังกล่าวแล้ว...รองจากกาแฟชนิดที่กล่าวข้างบนยังมีอยู่อีกชนิดหนึ่ง คือ คอฟเฟีย ไลเบริกา (Coffea liberica) ซึ่งเป็นไม้ของอัฟริกาแถบร้อน ภาคตะวันตก ที่นิยมปลูกกันมากในแถบที่อยู่ระหว่างต่ำและมีอากาศชุ่มชื้นมากๆ ในประเทศไทยมีปลูกกันทางจันทบุรีบ้างเหมือนกัน และทางปักษ์ใต้ก็มีบ้าง กาแฟชนิดนี้เริ่มเข้ามาเมืองไทยเมื่อใดไม่ทราบ ปักษ์ใต้น่าจะได้พันธ์มาจากมลายู ซึ่งปลูกกาแฟชนิดนี้มากกว่าที่อื่น...นอกจากสองชนิดที่กล่าวแล้วนี้ กาแฟในเมืองไทยยังมีปลูกอีกชนิด คือ คอฟเฟีย โรบัสต้า (Coffea robusta) ซึ่งเป็นไม้อัฟริกาภาคกลาง เพิ่งเขามาในมะลายู ใน พ.ศ. 2418 ปลูกกันครั้งแรกที่จังหวัดลำปาง (ใกล้ประตูผาริมทางหลวงไปเชียงราย) เมื่อ พ.ศ. 2468 นายตัน บุนเหลียง แห่งพระนคร เป็นผู้สั่งเมล็ดเข้ามา จากสุมาตร ใน พ.ศ. 2467 ชื่อกาแฟที่ชาติต่างๆในโลกเรียกกันส่วนมาก นัยว่า เพี้ยน มาจากคำว่า “กาวา” (Kahwah) ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวอาหรับเรียก ตาเดิมหมายถึง เหล้าองุ่น ส่วนชางอะบิสสิเนีย เรียกกาแฟ ว่า “บัน” (Bun) ปัจจุบัน กาแฟ อะราบิกา และโรบัสต้า ทางภาคใต้นิยมปลูกโรบัสต้ากันมากที่จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ และพังงาต้นทุนการผลิตเพื่อส่งออกกาแฟของประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันในทวีปเอเชีย เช่นอินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ค่อนข้างสูง ระดับผลผลิตที่ส่งออกของไทย ประมาณปีละ 80000 ตัน ในยุคการค้าเสรี ไทยเราต้องรักษาคุณภาพให้สู้คู่แข่งขันได้ดีกว่าปัจจุบันเกษตรกรติดต่อขอเอกสารเพื่อปรับปรุงการปลูกกาแฟโรบัสต้าได้ที่ สถาบันพืชสวน กรมวิชาการเกษตร จตุจักร กทม. 10900 โทร. (02) 940-5484-5 โทรสาร (02) 561-4667
การทบยอดต้นกาแฟเพื่อเพิ่มผลผลิตการแฟ ซึ่งปลูกทดลองในพื้นที่สถานีเกษตรที่สูงดอยมูเซอร์ เคยทำการทดลองที่เรียกว่า “ทบยอด” สำหรับต้นกาแฟที่มีขนาดสูงประมาณศีรษะราวๆ 160 เซนติเมตร เป็นขนาดเหมาะสมที่จะ “ทบยอด” ต้นกาแฟ ด้วยการตัดส่วนยอดออกไปส่วนหนึ่ง ต้นกาแฟจะสูงอยู่แค่นั้น นัยว่า เพื่อให้ต้นกาแฟเติบโตเพียงจำกัด และมีผลผลิตเพิ่มขึ้น สามารถเก็บเกี่ยวได้ง่าย

ที่มา : aircraftcoffee.com

ธุรกิจร้านกาแฟ....โอกาสเติบโต

ธุรกิจร้านกาแฟ....โอกาสเติบโต

กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มีกลิ่นและรสเป็นเอกลักษณ์ และเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลกจำนวนมากมาช้านาน ถึงแม้ว่า กาแฟจะไม่ได้เป็นเครื่องดื่มที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย แต่กาแฟก็เป็นเครื่องดื่มที่คนไทยรู้จักและบริโภคมาเป็นเวลานานไม่ต่ำกว่า 150 ปีแล้ว โดยในประเทศไทยมีการปลูกกาแฟหลายพันธุ์ มีการพัฒนาวิธีการนำกาแฟมาผลิตเป็นเครื่องดื่มในลักษณะต่างๆ และมีรสนิยมการบริโภคกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น โอเลี้ยง กาแฟเย็น หรือกาแฟโบราณที่ใช้ถุงกาแฟชง ซึ่งแตกต่างไปจากรสนิยมของต่างชาติที่นิยมบริโภคกาแฟกันอย่างแพร่หลาย อย่างสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป เป็นต้นปัจจุบันธุรกิจร้านกาแฟเป็นธุรกิจที่มีอัตราการขยายตัวสูง ผู้ประกอบการขนาดย่อมมีการปรับปรุงธุรกิจของตนเอง รวมทั้งมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก ถึงแม้กาแฟจะเป็นเครื่องดื่มที่มีจำหน่ายและเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน แต่ลักษณะความนิยมและพฤติกรรมการดื่มกาแฟของคนไทย จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างไปจากชาวต่างประเทศ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดผลิตภัณฑ์กาแฟมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์กาแฟในปี 2548 เท่ากับ 21,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นปริมาณที่เติบโตมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ นับจากปี 2545 และมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 10 โดยแยกเป็นกาแฟผงสำเร็จรูป 9,300 ล้านบาท กาแฟกระป๋อง 7,000 ล้านบาท และร้านกาแฟพรีเมี่ยม 4,700 ล้านบาท ตามลำดับ
มูลค่าผลิตภัณฑ์กาแฟแยกตามประเภทหน่วย : ล้านบาทปี กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟกระป๋อง ร้านกาแฟพรีเมี่ยม รวม2545 5,600 6,000 3,000 10,0002546 7,800 6,300 3,500 17,6002547 8,500 6,600 4,000 19,1002548* 9,300 7,000 4,700 21,000
ที่มา : รวบรวมจากผู้ประกอบการณ์ และคาดการณ์โดยบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด
เมื่อพิจารณาเฉพาะร้านกาแฟพรีเมี่ยม จะเห็นได้ว่า ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 500 ล้านบาทต่อปี เริ่มจาก 3,000 ล้านบาทในปี 2545 เพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ล้านบาทในปี 2546 ขยับเป็น 4,000 ล้านบาทในปี 2547 ที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4,700 ล้านบาทภายในปี 2548 เนื่องมาจากปริมาณร้านกาแฟพรีเมี่ยมที่เปิดตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผู้บริโภคหันมาดื่มกาแฟคั่วบดแทนกาแฟผงสำเร็จรูปมากขึ้น ความนิยมในร้านกาแฟพรีเมี่ยมส่งผลให้มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านช่องทางการจำหน่าย ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการในพื้นที่ร้านค้าสมัยใหม่หรือ Modern Trade ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ดิสเคาน์ทสโตร์ ทำให้เกิดการแย่งพื้นที่ทำเลดี ทำให้ต้นทุนในการขยายสาขาแต่ละแห่งเพิ่มสูงขึ้น ทางผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์โดยการเน้นความหลากหลายและสร้างความแตกต่าง โดยขยายสาขาเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยทำเลนอกร้านค้าสมัยใหม่ที่น่าสนใจ คือ ปั๊มน้ำมัน โรงภาพยนตร์ รถไฟฟ้า ศูนย์แสดงสินค้า ร้านหนังสือ โรงพยาบาล สถานออกกำลังกาย สถานีรถไฟฟ้า และท่าอากาศยานอย่างไรก็ตาม ร้านกาแฟในปั้มน้ำมันนั้น ถือเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตและรายได้ที่น่าสนใจมากธุรกิจหนึ่ง เพราะตลาดรวมยังขยายตัวได้อีกมาก ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในแต่ละวันไม่สูงนัก เนื่องจากวัตถุดิบส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบภายในประเทศเป็นหลัก โดยร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันจะมีรายได้อยู่ประมาณวันละ 3,000-6,000 บาท หรือมีกำไรประมาณวันละ 1,000 บาท ร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันถือเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่น่าสนใจและน่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันตลาดร้านกาแฟอยู่ในช่วงขยายตัว และมีฐานลูกค้ารองรับอีกมาก ขณะที่จำนวนร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน ถึงแม้ปัจจุบันมีอยู่หลายร้อยร้าน แต่ก็ยังไม่ถือว่ามีการแข่งขันที่รุนแรงมากนักการที่ธุรกิจร้านกาแฟจากต่างชาติยังทยอยกันเข้ามาลงทุนเปิดกิจการในเมืองไทย แสดงว่า ตลาดของธุรกิจกาแฟนี้ยังมีอนาคต และได้รับการประเมินว่ายังขยายตัวต่อไปได้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นสัญญาณเตือนภัยจากการรุกรานของธุรกิจข้ามชาติที่กดดันให้ร้านกาแฟของนักลงทุนไทยต้องปรับตัว ทั้งรสชาติและบริการ เพื่อเผชิญการบุกตลาดของเครือข่ายร้านกาแฟชื่อดังจากต่างประเทศนอกจากการปรับตัวเพื่อรับการแข่งขันของบรรดาร้านกาแฟพรีเมี่ยมที่เป็นเครือข่ายสาขาจากต่างประเทศแล้ว บรรดาร้านกาแฟพรีเมี่ยมของไทยยังหันไปขยายสาขาในต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีร้านกาแฟพรีเมี่ยมไทยใน 3 ประเทศ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซียธุรกิจร้านกาแฟพรีเมี่ยมยังคงเป็นธุรกิจที่น่าลงทุน เนื่องจากการที่โอกาสทางธุรกิจยังเปิดกว้าง จากการที่ปริมาณการบริโภคกาแฟของคนไทยยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ และส่วนใหญ่ยังนิยมบริโภคกาแฟสำเร็จรูป ซึ่งธุรกิจร้านกาแฟ พรีเมี่ยมนี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคกาแฟของคนไทย นอกจากนี้ ปัจจุบันธุรกิจร้านกาแฟพรีเมี่ยมกำลังกลายเป็นร้านที่อยู่ในกระแสความนิยม โดยมีผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 10 ยี่ห้อ ที่ประกาศขยายธุรกิจด้านนี้อย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2543 ทั้งในการขยายร้านกาแฟพรีเมี่ยมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายย่อยก็ต้องเข้ามาในธุรกิจนี้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีความเสียงสูงกว่านักลงทุนรายใหญ่ที่มีทั้งกำลังเงินและความรู้ด้านเทคโนโลยี รวมทั้งเทคนิคการพลิกแพลงตลาด เพื่อขยายฐานการบริโภค ทำให้มีโอกาสในการประสบความสำเร็จในธุรกิจมากกว่าทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้วิเคราะห์ว่า ผลิตภัณฑ์กาแฟทุกประเภทยังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ และสามารถเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากอัตราการบริโภคกาแฟของคนไทยในปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ คือ บริโภคน้อยกว่าร้อยละ 0.5 กิโลกรัม/คน/ปี หรือคิดเป็นเพียง 130-150 ถ้วย/คน/ปี เท่านั้น (หรือเฉลี่ยไม่ถึงหนึ่งแก้ว/คน/วัน) เพราะปริมาณคนไทยที่บริโภคกาแฟเป็นประจำมีเพียงร้อยละ 30 (หรือไม่ถึง 2 ล้านคน) จากประชากรคนไทยทั้งหมดกว่า 60 ล้านคน ซึ่งยังมีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับประเทศในแถบเอเชียอย่างเช่น ญี่ปุ่น ดื่มกาแฟเฉลี่ย 500 แก้ว/คน/ปี หรืออเมริกาที่ดื่มกาแฟเฉลี่ย 700 แก้ว/คน/ปี (หรือเฉลี่ย 2 แก้ว/คน/วัน) ดังนั้น ธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก แต่คาดหมายว่าการแข่งขันในตลาดผลิตภัณฑ์กาแฟต่างๆ จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการในธุรกิจกาแฟนี้ จะต้องปรับกลยุทธ์ทั้งรุกและรับ ให้ทันกับสถานการณ์ทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะร้านกาแฟพรีเมี่ยม ถ้าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาแฟ คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดจะทะลุระดับ 7,000 ล้านบาท ภายในเวลาไม่เกิน 5 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน

ที่มา : aircraftcoffee.com

16.10.08

ที่มาของกาแฟและสาระเกี่ยวกับกาแฟ

ที่มาของกาแฟและสาระเกี่ยวกับกาแฟ

กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดกาแฟคั่วซึ่งได้จากต้นกาแฟ นิยมดื่มร้อน ๆ แต่สามารถดื่มแบบเย็นได้ด้วย บางครั้งนิยมใส่นมหรือครีมลงในกาแฟด้วย ในกาแฟหนึ่งถ้วยมีคาเฟอีนอยู่ประมาณ 80-140 มิลลิกรัม กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่งเช่นเดียวกับชาและน้ำ นอกจากนี้ กาแฟยังเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่มีการส่งออกมากเป็นอันดับที่หกของโลกเชื่อกันว่ากาแฟถูกค้นพบครั้งแรกโดยเด็กเลี้ยงแพะชาวอาบิสซีเนีย (ประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน) ชื่อคาลดี จากการสังเกตพบว่า แพะดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเมื่อกินผลไม้สีแดงของต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งก็คือต้นกาแฟนั่นเอง. ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 16 กาแฟถูกปลูกโดยชาวอาหรับเท่านั้น คำว่ากาแฟ เป็นคำที่มาจากคำว่า "เกาะหฺวะหฺ" ในภาษาอาหรับ แล้วเพี้ยนเป็น กาห์เวห์ ในภาษาตุรกี ก่อนที่จะกลายเป็น คอฟฟี ในภาษาอังกฤษ และกาแฟ ในภาษาไทย ชาวอาหรับหวงแหนพันธุ์กาแฟมาก จึงส่งออกเฉพาะเมล็ดกาแฟที่คั่วสุกแล้วเท่านั้น แต่ในที่สุดเมล็ดกาแฟก็ออกมาสู่โลกกว้าง โดยการลักลอบนำออกมาโดยชาวอินเดียที่ไปแสวงบุญที่เมกกะ และก็ได้แพร่ขยายไปยังชวา เนเธอร์แลนด์ และทั่วยุโรปในที่สุด. สำหรับทวีปอเมริกานั้น ต้นกาแฟถูกนำไปอย่างยากลำบาก โดยทหารเรือฝรั่งเศสในต้นศตวรรษที่ 18 ในครั้งแรกนั้น มีต้นกาแฟที่เหลือรอดชีวิตบนเรือมาขึ้นฝั่งอเมริกาได้เพียง 1 ต้น และก็ได้แพร่ขยายเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันดินแดนแห่งนี้ ได้กลายเป็นดินแดนที่ปลูกกาแฟมากที่สุดในโลก ชนิดของเมล็ดกาแฟ
กาแฟมีมากกว่า 6,000 พันธุ์ แต่พันธุ์หลัก ๆ ที่ได้รับความนิยมมี 2 พันธุ์ ได้แก่ อาราบิก้า (Arabica) ซึ่งเป็นกาแฟแบบดั้งเดิม และมีรสชาติดี และ โรบัสต้า (Robusta) ซึ่งมีปริมาณกาเฟอีนสูง และสามารถปลูกในที่ที่ปลูกอาราบิก้าไม่ได้ (คำว่า robust ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ทนทาน) ด้วยความที่มีความทนทานมากกว่านี้เอง จึงทำให้กาแพโรบัสต้ามีราคาถูกกว่า แต่ผู้คนนิยมดื่มไม่มากนักเนื่องจากมีรสขมและเปรี้ยว ส่วนโรบัสต้าที่มีคุณภาพดีมักถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของเอสเพรสโซ่ แบบผสม (เอสเพรสโซ่มีสองแบบใหญ่ ๆ คือแบบที่เป็นอาราบิก้าแท้ ๆ กับแบบที่ผสมกาแฟชนิดอื่น ๆ)กาแฟอาราบิก้ามักจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามชื่อท่าเรือที่ใช้ส่งออก ท่าเรือที่เก่าแก่ที่สุดสองที่ได้แก่ ม็อคค่า (Mocha) และ ชวา (Java) กาแฟในปัจจุบันยิ่งมีความเจาะจงในที่ปลูกมากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องมีการระบุถึงประเทศ ภูมิภาค และบางครั้งต้องบอกว่าปลูกที่พื้นที่บริเวณไหนเลยทีเดียว ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกาแฟอาจจะถึงกับต้องประมูลกาแฟกัน โดยดูว่าเป็นล็อตหมายเลขเท่าใด กาแฟชนิดโรบัสต้าที่มีมูลค่าสูงที่สุดชนิดหนึ่งได้แก่ โกปิ ลูวัค (Kopi Luwak) ของอินโดนีเซีย เมล็ดของกาแฟชนิดนี้ถูกเก็บขึ้นมาจากมูลของชะมด (Common Palm Civet) (ตระกูล Paradoxirus)ซึ่งกระบวนการย่อยภายในร่างกายชะมดทำให้ได้รสชาติที่ดีเป็นพิเศษ เรียกเป็นภาษาไทยว่า กาแฟขี้ชะมด
กาแฟประเภทต่างๆ - กาแฟดำ ชงด้วยวิธีการหยดน้ำ อาจเป็นแบบให้น้ำซึมหรือแบบเฟรนช์เพรส เสิร์ฟโดยไม่ใส่นม อาจเติมน้ำตาลได้ ผู้คนมักเข้าใจผิดว่ากาแฟดำกับเอสเพรสโซเป็นอย่างเดียวกัน แต่ที่จริงแล้วกาแฟทั้งสองชนิดมีข้อแตกต่างกันหลายข้อ ข้อที่สำคัญคือ ถ้วยเสิร์ฟของเอสเพรสโซมีขนาดเล็กกว่า เพราะนิยมดื่มให้หมดในอึกเดียว ปกติแล้วเอสเพรสโซจะไม่ใส่น้ำตาลหรือนม และไม่นิยมคน เอสเพรสโซที่ชงถูกวิธีจะต้องมีฟองสีทองลอยอยู่ด้านบน รสชาติของเอสเพรสโซจะติดปากหลังจากดื่มนานกว่า (15-30 นาที) - กาแฟขาว (White coffee) เป็นกาแฟที่เติมนมเข้าไปหลังจากทำเสร็จ อาจเติมน้ำตาลด้วยก็ได้ - คาปูชิโน ประกอบด้วยเอสเพรสโซ, นมร้อน, และฟองนม ในสัดส่วนเท่าๆ กัน ให้รวมมีปริมาตร 4.5 ออนซ์ (เสิร์ฟในถ้วยขนาด 5 ออนซ์) ปกติจะตกแต่งด้วยผงอบเชย ลูกจันทน์เทศ (nutmeg) หรือโกโก้ - ลาเต้ เป็นเอสเพรสโซผสมนมร้อน ปกติมักโปะข้างบนด้วยฟองนม ความเข้มข้นไม่มากเท่าคาปูชิโนเนื่องจากใส่นมเยอะกว่า (ลาเต้ เป็นภาษาอิตาลีแปลว่านม ในอิตาลีเรียกลาเต้ว่า Caffè e latte หรือ caffelatte) Café au lait คล้ายลาเต้ยกเว้นใช้การชงด้วยการหยดแทนเอสเพรสโซ พร้อมด้วยนมในปริมาณที่เท่าๆ กัน อาจเติมน้ำตาลตามชอบ - อเมริกาโน ทำจากเอสเพรสโซ (หลายๆ ช็อต) กับน้ำร้อน เพื่อให้มีความเข้มข้นเท่ากับกาแฟที่ได้จากการชงแบบหยด แต่มีรสชาติต่างกัน - กาแฟเย็น มักเสิร์ฟพร้อมนมกับน้ำตาล - กาแฟแต่งกลิ่นและรส (Flavoured coffee) บางสังคมมักนิยมแต่งกลิ่นและรสกาแฟ ช็อกโกแลตเป็นสิ่งหนึ่งที่นิยมเติมกัน อาจโดยการโรยข้างบน หรือผสมเข้ากับกาแฟ เพื่อเลียนแบบรสชาติของมอคค่า รสอื่นๆ ที่นิยมเติมได้แก่เครื่องเทศต่างๆ เช่น อบเชย, ลูกจันทน์เทศ (nutmeg), กระวาน, และน้ำเชื่อมอิตาเลียน (Italian syrups) - กาแฟไอริช คือกาแฟที่ชงแล้วผสมด้วยวิสกี้ และมีชั้นของครีมอยู่ข้างบน - กาแฟกรองอินเดีย (มัทราส) (Indian (Madras) filter coffee) นิยมทั่วไปทางภาคใต้ของอินเดีย ทำจากกากกาแฟหยาบๆ ที่ได้จากเมล็ดที่ถูกอบจนไหม้ (อาราบิกา, พีเบอร์รี (PeaBerry)) ชงด้วยวิธีหยดประมาณสองถึงสามชั่วโมง ในตัวกรองโลหะแบบของอินเดียโดยเฉพาะ ก่อนที่จะนำไปเสิร์ฟกับนมและน้ำตาล โดยปกติมักมีสัดส่วนกาแฟหนึ่งนมสาม - กาแฟสไตล์เวียดนาม เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้จากการชงแบบหยด ชงโดยการหยดน้ำผ่านตะแกรงโลหะลงไปในถ้วย ซึ่งมีผลให้ได้น้ำกาแฟเข้มข้น จากนั้นนำไปเทผ่านน้ำแข็งลงไปในแก้วที่เติมนมข้นหวานไว้ก่อนแล้ว เนื่องจากการชงกาแฟประเภทนี้ใช้กากกาแฟปริมาณมาก จึงทำให้การชงกินระยะเวลานาน - กาแฟกรีก หรือ กาแฟตุรกี ชงด้วยการต้มกากกาแฟละเอียดกับน้ำพร้อมกันในไอบริก ซึ่งเป็นหม้อทำจากทองเหลืองหรือทองแดงมีด้ามยาวและเปิดด้านบน เมื่อชงเสร็จ ก็จะนำไปรินลงในด้วยเล็กๆ โดยไม่กรองกากกาแฟออก ตั้งกาแฟทิ้งไว้สักพักก่อนดื่ม มักเติมเครื่องเทศและน้ำตาลด้วย - โกปิทูบรูค (Kopi tubruk) เป็นกาแฟสไตล์อินโดนีเซียลักษณะเหมือนกับกาแฟกรีก แต่ชงจากเมล็ดกาแฟหยาบ และต้มพร้อมกับน้ำตาลปอนด์ปึกใหญ่ๆ นิยมดื่มในชวา, บาหลี, และบริเวณใกล้เคียง หม้อกาแฟ มีหลายรูปลักษณ์และขนาด หม้อแบบดั้งเดิมที่ใช้ต้มกาแฟมีคาเฟอีนจะมีสีน้ำตาลหรือดำ ส่วนหม้อสีส้มใช้สำหรับต้มกาแฟไร้คาเฟอีน
คุณประโยชน์กาแฟช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตัวระงับความเจ็บปวด โดยเฉพาะในการรักษาไมเกรน และยังสามารถกำจัดโรคหืดในผู้ป่วยบางคนได้ด้วย คุณประโยชน์บางอย่างอาจส่งผลต่อเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างเช่น มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดการฆ่าตัวตายในผู้หญิง และช่วยป้องกันนิ่วและโรคถุงน้ำดีในผู้ชาย นอกจากนี้มันยังช่วยลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานในทั้งสองเพศ และลดเพียงประมาณ 30% ในผู้หญิง แต่ลดมากกว่า 50% ในผู้ชาย กาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็งและป้องกันมะเร็งในปลายลำไส้ใหญ่และกระเพาะปัสสาวะ กาแฟสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในเซลล์ตับ ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของมะเร็งตับ (Inoue, 2005) และสุดท้ายกาแฟช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ ถึงแม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เป็นเพราะมันกำจัดไขมันในเส้นเลือด หรือเพราะว่ามันเป็นมีผลกระตุ้นกันแน่ ยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่เป็นเหตุผลให้คนส่วนใหญ่นิยมดื่มกาแฟ เช่น มันช่วยเพิ่มความจำระยะสั้น และเพิ่มไอคิว นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนระบบเมตาบอลิซึมให้มีสัดส่วนของลิพิดต่อคาร์โบไฮเดรตที่ถูกเผาผลาญสูงขึ้น ซึ่งช่วยลดอาการล้ากล้ามเนื้อของนักกีฬาคุณประโยชน์เหล่านี้บางอย่างจะได้ผลเมื่อดื่มเพียงประมาณ 4 ถ้วยต่อวัน (24 ออนซ์) แต่บางอย่างก็ต้องดื่มถึง 6 ถ้วยหรือมากกว่านั้น (32 ออนซ์หรือมากกว่า)
ความเสี่ยงผู้ที่ดื่มกาแฟหลายคนคงคุ้นเคยดีกับอาการ"ใจสั่น"อันเกิดมาจากกาแฟ ซึ่งเป็นอาการกระวนกระวายที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับคาเฟอีนมากเกินไป กาแฟยังเพิ่มความดันโลหิตให้กับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่ผลการศึกษาเพิ่มเติมก็ยังแสดงให้เห็นว่ามันช่วยลดอัตราเสี่ยงโดยรวมในการเกิดโรคหัวใจด้วย กาแฟยังทำให้เกิดโรคนอนไม่หลับในบางคน แต่ในทางกลับกันก็ช่วยให้บางคนหลับได้ดีขึ้น นอกจากนี้มันยังอาจทำให้เกิดความกังวลและอาการหงุดหงิดง่ายให้กับบางคนที่ดื่มมากเกินไป และบางคนก็เกิดอาการทางประสาท ผลกระทบบางอย่างของกาแฟก็เกิดขึ้นกับเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น มันทำให้อาการป่วยเลวร้ายลงในกรณีของผู้ป่วยประเภท PMS และยังลดความสามารถในการมีบุตรของสตรี และยังอาจเพิ่มอัตรเสี่ยงในการเกิดภาวะกระดูกพรุนของผู้หญิงหลังวัยหมดระดู และยังอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์หากแม่ดื่มตั้งแต่ 8 ถ้วยต่อวันขึ้นไป (48 ออนซ์ขึ้นไป)ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 ในประเทศเดนมาร์กได้มีการศึกษาสตรีจำนวน 18,478 คนซึ่งดื่มกาแฟเป็นปริมาณมากระหว่างตั้งครรภ์ พบว่ามันส่งผลให้อัตราเสี่ยงของการตายของทารกหลังคลอดเพิ่มขึ้นอย่างมาก (แต่ไม่มีผลกระทบต่ออัตราการตายในปีแรกของทารก) ในรายงานระบุว่า "ผลการศึกษาบ่งชี้ถึงผลกระทบจากการดื่มตั้งแต่ 4 ถึง 7 ถ้วยต่อวัน" คนที่ดื่ม 8 ถ้วยต่อวันขึ้นไป (48 ออนซ์ขึ้นไป) จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 220% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ดื่ม การศึกษานี้ยังไม่ได้มีการทำซ้ำให้แน่ใจ แต่ก็ทำให้แพทย์หลาย ๆ คนเพิ่มความระมัดระวังต่อการดื่มกาแฟมากเกินไปของสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ ผลการศึกษาตีพิมพ์ปี พ.ศ. 2547 ใน American Journal of Clinical Nutrition [2] พยายามค้นหาว่าทำไมประโยชน์และโทษของกาแฟจึงได้ดูขัดกันเอง และได้ค้นพบว่าการดื่มกาแฟมีความเกี่ยวข้องกับการปรากฏชัดทางชีวเคมีของอาการอักเสบและเป็นผลกระทบที่รุนแรงของกาแฟต่อระบบหัวใจร่วมหลอดเลือด ซึ่งเป็นตัวอธิบายว่าทำไมกาแฟจึงได้มีผลดีต่อหัวใจเมื่อดื่มไม่เกินวันละ 4 ถ้วยเท่านั้น (ไม่เกิน 20 ออนซ์) คาเฟอีนเป็นเหมือนยาพิษหากเสพมากเกินไป อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่ยาพิษหากดื่มแบบปกติ แต่หากเสพในรูปเข้มข้น เช่น เป็นเม็ดหรือเป็นผง ในปริมาณที่มากพอ ก็อาจทำให้อาเจียน, หมดสติ, และอาจถึงขั้นเสียชีวิต

ที่มา :thaigoodview.com

ที่มา ของ กาแฟ

ที่มา ของ กาแฟ

ที่มา ของ กาแฟ คั่ว บด เมล็ดกาแฟ หรือ ที่เรียกว่า กาแฟสด (Fresh Coffee)
เรื่องราวที่ไปที่มาของ กาแฟ มีอยู่มากมาย เราแอร์คราฟท์คอฟฟี่ ขออนุญาตินำมาสรุปพอเป็นสังเขปจากหลากหลายที่มา ให้พวกเราได้มีความรู้ติดขาติดแข้งกันบ้าง เผื่อไว้ตอบคำถาม หรือเป็นหัวข้อสนทนาพาทีในร้าน กาแฟ ให้พอเพลิดเพลิน (ถ้าผิดพลาด หรือ ซ้ำซ้อน ประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย)
เริ่มต้นจากการจารึกในพระคัมภีร์ฉบับเก่า (Old Testament) มีกล่าวถึง เมล็ดกาแฟ ในตะวันออกกลาง ตำนานเรื่องคนเลี้ยงแพะ ชื่อกาลดี้ (Kaldi) พบว่า แพะมีอาการตื่นเต้นผิดปกติ จึงได้ตามฝูงแพะขึ้นไปบนภูเขา เขาเห็นแพะตัวผู้กำลังแทะ เมล็ดกาแฟ สีแดงจากกิ่ง กาแฟ อยู่ จากนั้นฝูงแพะก็พากันกระโดดโลดเต้น เขาจึงลองเก็บเมล็ดกาแฟสุกมากินดู ปรากฏว่ามีรสชาติเย็น ทำให้สดชื่น ตั้งแต่นั้นมา เมื่อฝูงแพะไปกินเมล็ดกาแฟ เขาก็ไปกินด้วย เมื่อกินเสร็จแล้วเขาก็กระโดดโลดเต้นอยู่กับฝูงแพะนั้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง โต๊ะอิหม่าม (Imam) เห็นทั้งคนและแพะกระโดดโลดเต้นอยู่ จึงเข้าไปถามกาลดี้ เมื่อทราบเรื่องจึงเดินทางไปยังภูเขานั้นและเก็บผลกาแฟมากิน ทำให้ไม่ง่วง โต๊ะอิหม่ามถือว่าการสวดมนต์อ้อนวอนพระอัลเลาะห์ดีกว่านอนหลับ ดังนั้น การดื่มกาแฟจึงแพร่หลายอยู่ในหมู่โต๊ะอิหม่ามอยู่เป็นเวลานาน กาแฟจึงได้ชื่อว่า คาห์วาห์ (Qahwah) หมายถึง การกระตุ้น ทำให้สดชื่น คำว่า คาห์วาห์ แปลว่า ไวน์ แต่เครื่องดื่มไวน์เป็นของต้องห้ามในศาสนา กาแฟจึงได้ชื่อว่า ไวน์แห่งอาหรับ (Wine of Araby)
ต่อมามีเรื่องราวอีกมากมายเรื่อง กาแฟกับพระในศาสนาอิสลาม การแพร่กระจายของ กาแฟจากเอธิโอเปีย มาสู่ตะวันออกกลาง มีหลายทาง ชีค (Sheikh) ได้รายงานในปี พ.ศ.2109 โดยให้เครดินกับดมาเลดดินอาบูเอลฟลาเกอร์ (Djmaled dinabou Elflager) นำกาแฟมาจาก อบิสซีเนีย มาปลูกไว้ในอะราเบีย (Arabia) ในต้นศตวรรษที่ 15 ชาวดัทช์เป็นพวกแรกที่นำกาแฟอะราเบีย (ที่มาของกาแฟพันธุ์อราบิก้า) ไปปลูกในแหล่งอื่นๆ ของโลก ในปี พ.ศ. 2159 ได้นำกาแฟจากเมืองโมคา (Mocha) ไปปลูกที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2201 ชาวดัทช์ได้ทำสวนกาแฟขึ้นที่อาณานิคมเกาะศรีลังกา ในปี พ.ศ. 2233 ข้าหลวงใหญ่ของดัทช์อิสต์ ชื่อ นิโคลาส วิทเซน (Nicholas Witsen) ได้แนะนำให้ข้าหลวงใหญ่แห่งปัตตาเวีย นำเมล็ดกาแฟมาปลูกที่ปัตตาเวีย อินโดนีเซีย ในปี พ.ศ. 2241 เจ้าเมืองแห่งอัมสเตอร์ดัม (Burgomaster of Amsterdam) ได้ส่งต้นกาแฟมาจากเมืองมาลาบาร์ (Malabar) ไปปลูกที่ฝั่งตะวันตกของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งต้นกาแฟเหล่านี้ คือ กาแฟอราบิก้าที่ได้นำเมล็ดมาจากอาหรับปลูกไว้ที่สวนกาแฟเคดาเวียง (Kedawoeng Estate) ทั้งหมด
ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวและน้ำท่วมต้นกาแฟที่นำมาปลูกตายหมด ชวาดรุณ (Zwaardkron) ได้ถูกส่งไปยังลาบาร์ ในปี พ.ศ. 2242 เพื่อนำเมล็ดกาแฟมาปลูกที่ปัตตาเวียอีกครั้งหนึ่ง ต่อมาได้ขยายไปทั่วอินโดนีเซีย เช่น สุมาตรา ชุลลาเวสี (ซีลีเบสเดิม) บาหลี ติมอร์ และเกาะอื่นๆ กาแฟอราบิก้าพันธุ์นี้ภายหลังได้ชื่อว่า กาแฟอราบิก้าพันธุ์ ทิปิก้า (Coffee Arabica var. Typica)
ในปี พ.ศ. 2251 เรือฝรั่งเศส 2 ลำ ได้ถูกส่งไปยังเมืองโมคา เพื่อซื้อกล้าพันธุ์กาแฟและเมล็ดกาแฟจากชีค ชาวอาหรับไปปลูกที่เมืองเบอร์บอน (Bourbon) ในเกาะรียูเนียน (Reunion) ของฝรั่งเศส แต่ต้นกาแฟตายหมด ในปี พ.ศ.2258 ก็ได้ส่งเรือไปซื้อเมล็ดกาแฟไปปลูกที่เกาะรียูเนียนอีก แต่การปลูกกาแฟที่เกาะรียูเนียนประสบความล้มเหลวคงเหลือกาแฟที่มีชีวิตรอดอยู่เพียง 2 ต้นเท่านั้น ครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2261 ได้นำเมล็ดกาแฟจากเมืองโมคาไปปลูกไว้ที่เกาะรียูเนียนอีกครั้ง คราวนี้ประสบผลสำเร็จอย่างดี ต่อมาจึงขยายเป็นสวนกาแฟที่กว้างใหญ่ปลูกกันแพร่หลายเป็นที่รู้จักกันในนาม กาแฟอราบิก้าพันธุ์เบอร์บอน (Coffee Arabica var. Bourbon)กาแฟในประเทศอินเดีย เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2143-2238 นักแสวงบุญชาวมุสลิม ชื่อ บาบา บูดาน (Baba Budan) เดินทางไปทำฮัจจีที่เมืองเม็กกะ ขากลับได้นำเมล็ดกาแฟจากเม็กกะมาปลูกไว้ที่เชิงเขาใกล้บ้านที่เมืองชิคมากาลอร์ (Chikmagalur) ในรัฐไมซอร์ (Mysor) ต่อมาได้ขยายพันธุ์ออกไปอย่างกว้างขวาง ระยะหลังเมื่ออังกฤษเข้าครอบครองประเทศอินเดีย ชาวอังกฤษได้ทำสวนกาแฟใหญ่โตขึ้นที่เมืองชิคมากาลอร์และเมืองคุก (Coorg) สวนกาแฟได้กระจายไปยังแถบภูเขานิลคีรีของรัฐทมิฬนาดู ซึ่งต่อมา กาแฟอราบิก้าพันธุ์นี้จึงมีชื่อว่า คุก (Coorg)
ประเทศแรกในอาณานิคมของฝรั่งเศสที่ปลูกกาแฟ คือ มาร์ตินิค (Martinique) และเมล็ดกาแฟจากมาร์ตินิคเป็นศูนย์กลางที่นำไปปลูกเผยแพร่แก่แหล่งปลูกกาแฟต่างๆ เกือบทั่วโลก เช่น นำไปปลูกที่ภูเขา บลู เมาเทน (Blue Mountain) เกาะจาไมก้า ซึ่งเป็นภูเขาสูง อากาศหนาวเย็น ทำให้กาแฟที่ปลูกมีรสชาติดีเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก จึงได้ชื่อตามสถานที่ปลูกว่า “บลูเมาเทน เคเมอร์” (Blue Mountain Cramer) เมื่อนำไปปลูกขยายพันธุ์ที่เมืองเบเร็มและพาราของบราซิล อีก 100 ปีต่อมา บราซิลกลายเป็นประเทศที่ปลูกกาแฟมากที่สุดในโลกและสามารถควบคุมตลาดของกาแฟไว้อย่างสมบูรณ์ ต่อมากาแฟอราบิก้าพันธุ์นี้ได้แพร่ขยายเข้าสู่ประเทศในแถบอเมริกากลางตลอดจนถึงอเมริกาใต้ชั่วเวลาไม่ถึงศตวรรษ และถูกเรียกว่า Franch Mission


ที่มา : aircraftcoffee.com