6.12.12

Cappucino With Ganoderma Extract

COFFEE HERBAL
Cappucino With Ganoderma Extract
Net Wt : 1,200 g (20 g x 60 Sachets) Price 1,400 bath


Cappucino With Ganoderma Extract

Produced from the high quality content of Cappuccino with Ganoderma Extract Made precisely to our quality formulation this whole some beverage offers great aroma and taste.

Preparation :
Use 1 Sachct of boiling water then stir and a cup of rich aroma and perfect coffee is ready for you Convenient for anyplace

Ingredients
Instant Coffee 14 %
Non-Dairy Creamer 52 %
Sugar 32%
Ganoderma Extract 2%


Purchase by : K. Phichsinee 083-199 7189
email :
yoshiki_or@hotmail.com


กาแฟปรุงสำเร็จ ชนิดคาปูชิโนผสมเห็ดหลินจือสกัด
ผลิตจากส่วนผสมคุณภาพที่ลงตัวของคาปูชิโนเห็ดหลินจือสกัด สูตรพิเศษนี้ผลิตอย่างพิถีพิถันให้รสชาติที่หอมอร่อย

วิธีชง
ใช้กาแฟ 1 ซอง ต่อน้ำร้อน 1 ถ้วย แล้วคนกาแฟจะละลายทันที สะดวกทุกที่

ส่วนประกอบ
กาแฟ 14 %
ครีมเทียมชนิดผง 52 %
น้ำตาล 32 %
เห็ดหลินจือสกัด 2 %

3.12.12

คอลลาฟี่ Collafee


คอลลาฟี่ Collafee


สารสกัดจากแอปเปิ้ล (Apple Extract)

มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำที่มีชื่อ “แพคติน” แต่ที่น่าสนใจสำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว “เพตาติน” นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนักและลดโคเลสเตอรอล หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหาร แอปเปิ้ลสักลูก จะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75% ทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็วและนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้น ความอยากอาหารจึงลดลงทำให้ คุณไม่รู้สึกหงุดหงิดหรืออ่อนเพลีย แอปเปิ้ล ช่วยลดปริมาณโคเลสตอรอสในกระแสเลือดได้เพราะแอปเปิ้ล มีเพคติน ซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ผลจาการวิจัยชี้ว่าเมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมัน และแยกโคเลสตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้วเพคตินจากแอปเปิ้ลจะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้นและพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกับเข้าสู่ร่างกาย เอ็นไซม์ในแอปเปิ้ล ช่วยเผาพลาญสารอาหารช่วยทำให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น พร้อมกันนั้นก็อุดมไปด้วยเพกติกสารคารโบไฮเดรตชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียร้าย ในระบบทางเดินอาหารตัวการที่ทำให้คุณเกิดอาการท้องร่วง และยังสามารถช่วยลดความดันโลหิต และลดคลอเลสเตอรอลที่อุดตันในส้นเลือดได้เป็นอย่างดี กรดผลไม้ทำให้หายอยากอาหาร เนื่องจากกรดผลไม้ที่มีอยู่ในแอปเปิ้ลสามารถช่วยควบคุมและยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนแห่งความอยากอาหาร

สารสกัดจากถั่วขาว (White kidney bean Extract)
สารสกัดจากถั่วขาวมีสารสำคัญที่ชื่อว่า เฟซิโฮลามีน (Phaseolamin) มีฤทธิ์ในการทำให้เอนไซส์อัลฟาะอะไมเลส ซึ่งทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลร่างกายจึงได้รับพลังงานจากแป้งน้อยลง ส่งผลให้การสะสมของไขมันใหม่ที่เกิดจากการเปลี่ยนรูปของน้ำตาลเป็นไขมันลดลงด้วย และเมื่อร่างกายได้รับพลังงานน้อยลงไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน ก็จะเผาพลาญไขมันเก่าออกมาใช้มากขึ้น ทำให้น้ำหนักลดลงโดยที่ไม่ต้องอดอาหาร และไม่มีผลต่อสารอาหารชนิดอื่น ๆ เพราะการทำงานของสาร เฟซิโอลามีน จะยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลเท่านั้น ในส่วนของแป้งที่ไม่ถูกย่อยก็จะทำให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น เป็นการช่วยลดความอยากอาหาร และแป้งที่ไม่ได้ย่อยเหล่านั้นก็จะถูกขับถ่ายออกโดยกลไกของร่างกายตามปกติ

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract)

สารกลุ่มฟลาวานอยด์ที่พบในเมล็ดองุ่น มีสารฟลาวานอยด์ที่เรียกว่า “โปรแอนโธไซยานิดิน” สารนี้เมื่อรวมตัวกันจะอยูในรูปของ “โอริโกแมริคโปรแอนโธไซยานิดิน” (Oligomeric proanthocyyanidin) หรือเรียกย่อ ๆว่า OPC มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สูงกว่าวิตามินซีและมากกว่า วิตามินอีถึง 20 และ 50 เท่าตามลำดับ

คอลลาเจน

คอลลาเจน จากปลาทะเลน้ำลึก เป็นคอลลาเจนขนาดเล็ก ที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับคอลลาเจนใต้ผิวหนังของมนุษย์ ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเสริมสร้างกล้ามเนื้อคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนัง ช่วยลดริ้วรอย กระชับผิวป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยและช่วยให้ผิวอุ้มน้ำได้ดี หากรับประทานอย่างต่อเนื่องสุขภาพผิวจะแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นดี

ประโยชน์ของคอลลาเจน1. ทำให้สุขภาพผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นดี
2. ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ทำให้ผิวพรรณกระชับ ใส เปล่งปลั่ง
3. ช่วยเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
4. บำรุงข้อต่อและกระดูก
5. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนหลับ
แอล-คาร์นิทีน

แอล-คาร์นิทีนเป็นรูปที่ออกฤทธิ์ของกรด อะมิโนชนิดคาร์นิทีนซึ่งผลิตจากตับและไตช่วยลดโอกาสเกิดภาวะหัวใจวาย ช่วยเพิ่มการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิ และเพิ่มขบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย มักใช้เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน ของร่างกายและใช้ร่วมในโปรแกรมการควบคุมมีคุณสมบัติอย่างไร เราพบคาร์นิทีนมากในกล้ามเนื้อหัวใจและกล้ามเนื้อลาย ซึ่งจำเป็นต่อขบวนการเผาผลาญไขมัน โดยช่วยพาไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดรียของเซลล์ (Mitochodria ส่วนของเซลล์ที่ผลิตพลังงานให้แก่เซลล์) ผู้ที่มีความผิดปกติ เกี่ยวกับหัวใจจะมีระดับของคาร์นิทีนต่ำ ซึ่งสมควรรับประทานคาร์นิทีนเสริม นอกจากนี้ยังพบว่าการให้คาร์นิทีนเสริมจะช่วยป้องกันโอกาสเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้



สนใจติดต่อ : คุณพิชญ์สินี 083-199 7189
email :
yoshiki_or@hotmail.com

12.11.12

กาแฟคอลลาฟี่



กาแฟปรุงสำเร็จสูตรพิเศษ “คอลลาฟี่”

มากคุณค่าด้วยส่วนประกอบสำคัญ
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น , สารสกัดจากแอปเปิ้ล , แอล-คาร์นิทีน , คอลลาเจน จากปลาทะเลน้ำลึก ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และสารสกัดจากเมล็ดกาแฟสด “สวิลทอล” ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศประกวดอาหารเสริมที่เมืองคานส์ ฝรั่งเศส ช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด และกาแฟพันธุ์พิเศษหอมกรุ่น รสชาติอร่อย มีคาเฟอีน 3% เท่านั้นได้ผลในเรื่องช่วยลดน้ำหนักได้ดีมากๆ

รับประทานง่ายๆไม่ต้องยุ่งยาก ดื่มหลังอาหารทุกมื้อจะทำให้ท่านมีรูปร่าง ผอมเพรียว สมใจอย่างที่ต้องการ
ขนาดบรรจุ : กล่องละ 10 ซอง ราคา 260 บาท ( ขายเป็นชุด ชุดละ 3 กล่อง ราคารวม 780 บาท)


สนใจติดต่อ : คุณพิชญ์สินี 083-199 7189
yoshiki_or@hotmail.com

11.11.12

Dao Coffee Trip

 

ความจริงได้เคยไปไร่กาแฟในลาวหลายต่อหลายครั้ง แต่สำหรับไร่กาแฟดาวเรือง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกเนื่องจากโดยปกติแล้วไร่กาแฟดาวเรืองไม่อนุญาติให้บุคคลภายนอกเข้าไปเยี่ยมชม คราวนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีครับ เป็นกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นไม่บ่อยนัก

ไร่กาแฟดาวเรืองเป็นไร่ขนาดใหญ่ มีการจัดการที่ดี ต้นกาแฟถูกปลูกเป็นแถวเป็นแนว ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 1.5 เมตร ไม้บังร่มที่เรียก canopy เลือกใช้ต้นขี้เหล็กเกือบทั้งหมด ด้วยเหตุที่มีใบเล็กปล่อยแสงแดดให้กับต้นกาแฟได้อย่างเพียงพอซ้ำใบที่ร่วงลงยังให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์อีกด้วย
กาแฟในลาวจะสุกก่อนบ้านเราประมาณ 2 เดือน ในช่วงนี้จึงเริ่มมีการทะยอยเก็บเกี่ยวกันแล้ว
น้องๆ ที่เก็บกาแฟเป็นชาวเวียดนาม ดูแล้วยังเด็กๆ อยู่เลยครับ

กาแฟในลาวเกือบทั้งหมดปลูกในที่ราบสูงโบโลเวน สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร อากาศเย็นและชุ่มชื้นเกือบทั้งปี เดินทางสะดวกเพราะเป็นที่ราบไม่เหมือนแหล่งปลูกบ้านเราที่เป็นเขาเป็นดอย ส่วนพันธุ์ที่ปลูกนั้นอราบิก้าเกือบทั้งหมดเป็นสายพันธุ์คาติมอร์ ผมไม่แน่ใจว่าสายไหนแต่สังเกตุว่าจะเป็นคาติมอร์ที่แตกยอดเป็นสีน้ำตาลแดง ผิดกับบ้านเราที่ส่วนใหญ่จะแตกยอดใหม่เป็นสีเขียว

กาแฟของไร่ดาวเรือง ผลิตเป็นระดับอุตสาหกรรมแล้วครับ ปีหนึ่งๆ ส่งออกเมล็ดกาแฟดิบ 4-5 พันตัน เครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการจึงใหญ่โต ที่เห็นในภาพถังซีเมนต์ด้านบนซ้ายเป็นถัง demucilage เมื่อเมือกล่อนแล้วค่อยถูกถ่ายลงมาล้างแล้วจึงดูดขึ้นไปปล่อยใส่กระบะรถสิบล้อ เพื่อนำไปตากบนลานซีเมนต์ใหญ่ยักษ์ราวสนามฟุตบอลหลายสนามติดกัน

ปัจจุบันกาแฟดาว จำหน่ายทั้งเมล็ดกาแฟคั่ว บด กึ่งสำเร็จรูป ผงโกโก้ น้ำตาลทาย ครบวงจร เครื่องคั่วที่ใช้เป็น petroncini จากอิตาลีขนาดคั่วครั้งละ 25 กิโลกรัม แต่กำลังจะขยายทั้งโรงงานใหม่และเครื่องคั่วใหม่เป็น probat ขนาด 200 กิโลกรัมต่อครั้ง

ธุรกิจหลักของดาวเรืองคือกาแฟ แต่ใน สปป.ลาว ดาวเรืองยังดำเนินธุรกิจต่างๆ มากมายบางคนถึงกับเปรียบดาวเรืองเป็น ซีพีแห่งสปป.ลาว หากจำเพาะเรื่องของกาแฟได้กลายเป็นที่สนใจของทั้งคนไทย และในระดับนานาชาติด้วยการทำการตลาดอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการมีพื้นที่ปลูกเอื้ออำนวยมีดินที่เป็นดินภูเขาไฟ จึงทำให้รสชาติของกาแฟลาวได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ดาวเรืองยังได้รับความช่วยเหลือจากประเทศญี่ปุ่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงความช่วยเหลือในการพัฒนาแปลงปลูกให้สามารถปลูกอราบิก้าสายพันธุ์ทิปปิก้าได้ ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มให้ผลผลิตบ้างแล้วแต่ยังมีปริมาณน้อยมากครับ

ที่มา : seat2cupcoffee.

2.11.12

ความสำเร็จของธุรกิจทุกชนิด ซึ่งรวมถึงธุรกิจร้านกาแฟ เกิด

โดยทั่วไปเราจะเห็นร้านกาแฟกระจายอยู่ทั่วไปตามแหล่งชุมชนต่างๆ ซึ่งร้านกาแฟเหล่านี้มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ มีทั้งประเภทประดับประดาตกแต่งได้สวยงาม น่าเข้าไปใช้บริการ แต่ก็ยังกลัวในเรื่องของราคาแพงและรสชาดของกาแฟสดว่าจะออกมาอย่างไร หลายคนที่เป็นโรคนี้ ดังนั้นเจ้าของร้านกาแฟทั้งหลายอย่ามองข้ามสิ่งที่น่าสนใจ 2 ประการของร้านกาแฟ นั่นก็คือ ในเรื่องของราคากาแฟและความอร่อยหรือรสชาดของกาแฟ จงพยายามสร้างทั้ง 2 อย่างนี้ให้ลงตัว ร่วมกับการโปรโมทร้านกาแฟ แล้วยอดขายกาแฟของคุณจะดีวันดีคืน อย่าลืมว่าลูกค้ามีตัวเลือกคือร้านกาแฟที่อื่นที่ไม่ใช่ร้านของเรา ดังนั้นจงเพิ่มพูนทรัพยากรคือลูกค้าไว้อย่างต่อเนื่อง เพราะนั่นคือกระเป๋าเงินของเรานั่นเอง ลูกค้าถูกใจรสชาดในความอร่อยของกาแฟเราและราคาก็ไม่แพง ลูกค้าก็จะประทับใจกลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

ร้านกาแฟสด เป็นธุรกิจยอดนิยมระดับต้นๆ ที่มีการแข่งขันกันสูงมาก ทั้งนี้เป็นเพราะความนิยมในการบริโภคของคนในสังคมมีมากขึ้นเรื่อยๆ และดื่มได้ทุกชนชั้น อีกทั้งราคาก็ไม่แพงมาก ในเรื่องของรสชาดแต่ละเจ้าก็ใกล้เคียงกัน อาจแตกต่างกันบ้างตรงที่ราคา ทั้งนี้เป็นเพราะต้นทุนการลงทุนส่วนหนึ่งเป็นปัจจัยในการกำหนดราคา ร้านกาแฟสดหรือแฟรนไชส์เจ้าไหนที่มีต้นทุนสูงย่อมเสียเปรียบ ยิ่งมีการชักค่าธรรมเนียมและค่าเปอร์เซ็นต่างๆเพิ่มด้วย เท่ากับว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นไปในตัว งบประมาณบานปลาย กำไรที่เหลือให้เจ้าของจึงน้อยลงหรือไม่ก็อาจถึงจุดคุ้มทุนช้าลงกว่ากำหนด หรือขาดทุนไปเลยก็เป็นไปได้เช่นกัน ถึงแม้ร้านกาแฟสดจะเป็นธุรกิจไม่ยุ่งยาก กำไรดี เป็นธุรกิจยอดฮิตอันดับต้นๆ แต่การลงทุนในธุรกิจนี้ต้องพิจารณาให้รอบครอบในหลายๆด้าน ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่จะติดตามมาให้ท่านแก้ไขในภายหลัง ซึ่งอาจสร้างความยุ่งยากลำบากใจให้กับท่านได้ทุกเมื่อ

ร้านกาแฟสดแต่ละร้านก็มีรูปแบบและการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกัน ร้านกาแฟสดบางร้านก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า บางร้านก็เงียบ ทั้งนี้ก็มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการต่อความสำเร็จและตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ร้านกาแฟสดที่ดีจึงควรเป็นร้านที่สะอาด สดใส ดูแล้วน่าเข้าไปใช้บริการ คนขายก็ต้องบริการลูกค้าดีมีมิตรไมตรีและมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้า รวมไปถึงกาแฟสดก็ต้องมีรสอร่อย น่ารับประทาน หอมกรุ่นและนุ่มนวล ซึ่งจะเป็นเสน่ห์ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการในร้านกาแฟสดอย่างต่อเนื่อง

ในปัจจุบันจะเห็นการเจริญเติบโตของธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้านกาแฟสดเหล่านี้เจ้าของร้านมีทั้งที่เป็นของส่วนบุคคลเพียงคนเดียวหรือทำในลักษณะนิติบุคคลเป็นรูปบริษัทแตกสาขาไปเรื่อยๆ ซึ่งเราเห็นบ่อยๆจะตั้งอยู่ตามห้างสรรพสินค้า แหล่งชุมชน ปั๊มน้ำมัน การแข่งขันกันค่อนข้างสูงมาก ส่วนผู้ประกอบการรายใดจะอยู่ได้หรือไม่ได้ต้องวัดกันในหลายๆปัจจัย ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวหรือประกอบการผ่าน 5 ปีไปแล้วโอกาสรอดมีสูงมาก แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกนี้ ถ้าร้านกาแฟสดใดไม่มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่องโอกาสสิ้นสุดของธุรกิจก็ย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรง มองไปทางไหนเราจะเห็นขึ้นเป็นดอกเห็ด

หลักในการพิจารณาลงทุนเปิดร้านกาแฟสดมีดังนี้
1 ) ต้นทุนในการลงทุนครั้งแรกต่ำ
2 ) คืนทุนเร็ว หรือถึงจุดคุ้มทุนได้อย่างรวดเร็ว
3 ) มีระบบโนฮาวและความรู้ การบริหารจัดการต่างๆรองรับ
4 ) เจ้าของสามารถควบคุมงบประมาณการลงทุนได้ง่าย
5 ) มีเอกสิทธิ์ในการบริหาร
6 ) มีบริการที่ดีจากเจ้าของแฟรนไชส์

นี่คือหลักการเบื้องต้นและพื้นฐาน ถ้าท่านจะลงทุนเปิดร้านกาแฟสด ให้ประสบผลสำเร็จและธุรกิจไปได้ดีโดยไม่มีความกังวลใจ ปรึกษาเบื้องต้นกับเราได้ที่นี่ เราจะให้คำแนะนำฝึกอบรมความรู้ รวมไปถึงสอนการสร้างธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว กลยุทธ์และเทคนิคต่างๆ ร้านกาแฟสดทั่วๆไปมี 3 ลักษณะหรือ 3 รูปแบบ คือ ร้านที่ออกแบบเป็น Shop และร้านที่เป็นลักษณะ Corner และแบบ Cart ซึ่งร้านกาแฟทั้ง 3 แบบมีความแตกต่างกันทั้งเม็ดเงินการลงทุนและขนาดของร้าน ส่วนร้านกาแฟที่เป็นรูปแบบ Shop อาจจะเป็นร้านขนาดใหญ่ใช้พื้นที่มากขึ้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 500,000 - 2,000,000 บาท ส่วนร้านแบบ Corner เราจะพบเห็นร้านประเภทนี้ตั้งอยู่ตามแหล่งชุมชุนต่าง ๆจำนวนมาก ร้านรูปแบบนี้ใช้เงินลงทุนประมาณ 200,000 - 500,000 บาท ส่วนรูปแบบแบบสุดท้ายคือ Cart จะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าทุกแบบคือประมาณ 50,000 - 200,000 บาท นี่คือรูปแบบที่มีอยู่ในท้องตลาด

สิ่งที่เกี่ยวข้องกับร้านกาแฟ
ในการลงทุนเปิดร้านกาแฟสักร้าน เจ้าของต้องบริหารและจัดการให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการภายในร้าน และการบริหารจัดการการขาย ลูกค้า การทำการโฆษณาร้านกาแฟอย่างต่อเนื่อง จึงขอนำความรู้ต่างๆที่ควรรู้สำหรับร้านกาแฟ

ที่มา :
www.coffeemade.com

9.10.12

4.10.12

กลยุทธของเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟ


กลยุทธ์การเพิ่มเงินในกระเป๋าสำหรับเจ้าของร้านกาแฟและทุกธุรกิจ
ทุกๆธุรกิจจะมีจุดเด่นและจุดขายที่แตกต่างกันออกไป และทุกธุรกิจก็มีความจำเป็นที่ต้องสร้างจุดขายและจุดเด่นให้กับธุรกิจของตัวเอง ทั้งนี้เพื่อดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการและเป็นที่นิยมชมชอบของลูกค้านั่นเอง จะดึงดูดหรือมัดใจลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับเทคนิคและกลยุทธของเจ้าของธุรกิจที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจที่ทำ และเป็นการเพิ่มประโยชน์ให้กับผู้บริโภคหรือลูกค้าไปในตัว
    
ธุรกิจร้านกาแฟก็เช่นเดียวกัน  จำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องเร่งสร้างจุดเด่นและจุดขายเพื่อดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการ  สิ่งที่จะต้องเติมเต็มให้กับธุรกิจร้านกาแฟก็เป็นสิ่งพื้นฐานทั่วไปที่เรามองข้าม  บุคคลิกคือโชคชะตาที่จะเป็นตัวนำเงินทองมาให้เรา  ดังนั้นเราสามารถนำมาประยุกต์ให้เข้ากับธุรกิจร้านกาแฟได้ 

     บุคคลิกข้อที่ 1 
เริ่มต้นที่ตัวเจ้าของเองหรือผู้ที่ดูแลลูกค้าและหน้าร้าน การแต่งตัวที่เหมาะสมสะอาดตา สมดุลกับหน้าร้าน หน้าตาต้อนรับมีมิตรไมตรีกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ การทักทายกับลูกค้าที่เป็นกันเอง ที่สำคัญกิริยามารยาทดี มีหัวใจในงานบริการ ทักทายและสวัสดีรวมถึงขอบคุณลูกค้าทุกๆครั้งที่เข้าร้าน บุคคลิกเหล่านี้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมี เพราะร้านกาแฟสดจะมีเสน่ห์ได้ตรงหัวใจการบริการลูกค้า

     บุคคลิกข้อที่ 2 สินค้าดี นั่นคือกาแฟ ต้องมีคุณภาพดี ไม่เก่าเก็บ ทำด้วยความปราณีต ทุกๆคนต้องการบริโภคแต่ของดีๆมีคุณภาพด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นเจ้าของร้านกาแฟก็ควรใช้สูตรนี้ในการนำกาแฟมอบให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ สินค้าดีจะเริ่มต้นตั้งแต่การคัดเลือกกาแฟ  การเก็บกาแฟ  การคั่วกาแฟ  การบดกาแฟ  การชงกาแฟ  การเสิร์ฟกาแฟ การนำเสนอกาแฟต่อลูกค้า ฯลฯ ขั้นตอนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญต้องพิถีพิถัน นี่คือบุคคลิกที่ดีต่อสินค้า

     บุคคลิกข้อที่ 3  การจัดการและการบริหารหน้าร้านกาแฟให้มีจุดเด่นและสดุดตา  การวางอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆแต่ละจุดนั้นมีความหมาย ถ้าวางไม่ถูกจุดก็อาจจะทำให้เสียบุคคลิกหน้าร้านกาแฟไปเลย  ดังนั้นการจัดหน้าร้านจึงมีความสำคัญไม่น้อย ทิศทางของร้านกาแฟให้ออกสู่สายตาลูกค้า มองเห็นได้ง่าย มองแล้วเด่นดูดี ไม่รกหูรกตา ไม่มีอะไรมาบดบังหน้าร้าน หรือเกะกะบนเคาน์เตอร์ ความสะอาดเป็นเยี่ยม แก้วกาแฟและเมล็ดกาแฟปิดมิดชิดไม่ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าได้ อุปกรณ์ต่างๆสะอาดสะอ้าน เป็นที่เจริญตาแก่ผู้ที่ได้พบเห็น

    สิ่งที่ต้องจดจำไว้ตลอดเวลาก็คือ คุณกำลังทำการค้าขาย การที่จะขายให้ได้ดี ขายให้เป็น ต้องมีจุดเด่น จุดขาย ของตัวเอง
ร้านกาแฟที่ประสบผลสำเร็จ = สินค้าดีเยี่ยม + บริการดีเยี่ยมเป็นหนึ่ง


2.10.12

กาแฟ | ฉี่บ่อย ผิวแห้ง แก่เร็ว

กาแฟ ฉี่บ่อย ผิวแห้ง แก่เร็ว

 

ดื่มกาแฟแล้วฉี่บ่อยใครๆ ก็เป็น ผมไม่แน่ใจว่าคาเฟอีนในกาแฟมีส่วนในการกระตุ้นอวัยวะภายในส่วนไหนให้ขับถ่ายน้ำออกมาอย่างแข็งขันกว่าปกติหรือไม่ แต่การปัสสาวะบ่อยถูกเชื่อมโยงให้เชื่อว่าร่างกายถูกขับน้ำออกมามากที่เรียกว่า dehydration เมื่อร่างกายเราขาดน้ำผิวพรรณจะผุดผ่องอำไพได้อย่างไรมิใยจะเหี่ยวแห้งเหี่ยวย่นจนเหมือนแก่เร็วเป็นที่ขยาดหวาดกลัวของผู้รักสวยรักงามโดยเฉพาะสุภาพสตรีทั้งหลาย ผมต้องพบกับคำถามเรื่องนี้บ่อยครั้งจึงมักตอบไปง่ายๆ ว่าถ้ากลัวขาดน้ำก็ดื่มน้ำตามเข้าไปมากหน่อยซิครับให้มันทดแทนกัน


จนมาพบกับคำถามนี้อีกครั้งในการบรรยายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นที่กังวลของหลายๆ คน ยิ่งข่าวไทยรัฐลงเมื่อไม่กี่วันมานี้เรื่องงานวิจัยที่พบว่าผู้ดื่มกาแฟสุภาพสตรีมีโอกาสที่ขนาดหน้าอกจะลดลงเล็กน้อยยิ่งสนับสนุนความเชื่อเดิมเรื่อง dehydration กันเข้าไปอีก

แต่ให้บังเอิญผมไปพบกับบทความหนึ่งของ ICO ที่ตีพิมพ์งานของโปรเฟสเซอร์ลอเรนซ์ อาร์มสตรอง จากมหาวิทยาลัยคอนเนคติกัต ที่มีการทดลองวิจัยเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้วพบว่าการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนจะทำให้การขับถ่ายปัสสาวะเกิดเร็วขึ้นหรือที่เรียก diuretic effect หมายถึงปัสสาวะมากในช่วงแรกแต่จะถูกชดเชยโดยปัสสาวะน้อยลงในเวลาต่อมา หากวัดปริมาณน้ำปัสสาวะต่อวันพบว่าแทบไม่เปลี่ยนแปลง การดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนทำให้มีน้ำปัสสาวะต่อวันไม่ต่างจากน้ำเปล่า ถือเป็นการทำลายความเชื่อเดิมๆ เรื่องการเสียน้ำอย่างสิ้นเชิง

เมื่อไม่เสียน้ำ เรื่องผิวแห้งแก่เร็วนั้น ยังเป็นความเชื่ออีกหรือไม่ เรื่องนี้ผมถือเป็นคนละเรื่องนะครับและจะพยายามหาข้อมูลมา ทั้งนี้ต้องวงเล็บไว้ว่าการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนหรือกาแฟนั้นยังคงต้องอยู่ในกรอบที่ว่า “ต้องไม่มากเกินไป” หมายถึงอย่างน้อยตามงานวิจัยที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งแนะนำว่าเราจะปลอดภัยจากผลกระทบเกือบทั้งหมดหากรับคาเฟอีนเข้าไปไม่เกิน 300 มิลลิกรัม ต่อวัน

หากนึกไม่ออกว่าแล้วมันแค่ไหนกัน ผมให้แนวทางง่ายๆ ว่าเอสเปรสโซซิงเกิ้ลช็อต(7 กรัม)ที่เบลนด์ด้วยกาแฟอราบิก้าเป็นหลักจะมีปริมาณคาเฟอีนโดยประมาณ 30 มิลลิกรัมครับ

ที่มา :vudh.wordpress.com

30.9.12

การเปิดร้านกาแฟ (ภาค 2)

เรื่อง การเปิดร้านกาแฟ (ภาค 2)

วิวัฒนาการของร้านกาแฟ

เริ่มจากรถเข็นขายกาแฟที่เราท่านเคยเห็นกัน จะมีถุงลวกกาแฟแล้วเทใส่น้ำตาล ใส่นม คนให้เข้ากัน แล้วก็ต้องทานกับปาท่องโก๋ ซึ่งเป็นของคู่กัน และมีโต๊ะกลมและเก้าอี้นั่ง มักจะพบเห็นได้ตามตลาดสด สถานที่คนพลุกพล่าน ฯลฯ และ Design จะเป็นแบบเรียบ เน้นขายผลิตภัณฑ์มากกว่าขาย Design หรือรูปลักษณ์ข้อดี – ปัจจุบันเราจะเห็นว่า กาแฟมีบทบาททางสังคมมาก จะเห็นได้ว่าร้านส่วนมากไม่ว่าจะเป็นร้านขนม – อาหาร – เครื่องดื่ม ล้วนแล้วแต่จะมีกาแฟร่วมด้วยทั้งนั้น กาแฟจึงเป็นสินค้าที่มีการพัฒนามาจนมีหน้าตาและ Design ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ สีสัน ฯลฯ เราจะเห็นว่างาน Design ได้มีบทบาทในการพัฒนาร้าน กาแฟเพราะนั่นคือ รูปลักษณ์ใหม่ของร้านกาแฟ ดังที่เราเห็นในปัจจุบันคอนเซ็ปท์

ร้านกาแฟ

คือ การสรุปความคิดรวบยอดในการออกแบบร้าน ซึ่งเป็นความต้องการหลักของเจ้าของร้าน มารวมกับหลักการและแนวทางในการออกแบบ เพื่อสร้างบรรยากาศและรูปลักษณ์ร้าน ให้ดูน่าเชื่อถือ คือ ให้ความรู้สึกที่ดี โดยจะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนี้

1.กลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มไหนคนทำงานนักศึกษานักธุรกิจคนทั่วไป ฯลฯ

2.สถานที่ก็เป็นส่วนสำคัญในการเปิดร้าน ถ้าอยู่ในย่านธุรกิจก็จะทำให้มีจุดขายดี รวมกับการตกแต่งร้านที่ดี

3. งบประมาณจะเป็นตัวกำหนดว่าจะได้ร้านขนาดไหน รูปแบบแค่ไหน

4.สินค้าที่ขายดูว่ามีสินค้าร่วมในการขายอะไรบ้าง เช่น เบเกอรี่ เหล่านี้คือปัจจัยหลัก ๆ ในการประกอบแบบ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การออกแบบมีความสมบูรณ์และลงตัวชนิดของร้านกาแฟ

ถ้าพูดถึงชนิดของร้านกาแฟแล้ว ปัจจุบันนี้มีมากมายหลายชนิด หลายขนาด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ ความต้องการของผู้ที่จะเปิด และงบประมาณที่จะเป็นตัวกำหนดชนิด ขนาดของร้านกาแฟนั้น ๆ คงไม่สามารถแยกละเอียดได้ แต่เราจะพูดถึงชนิด

– ขนาดลักษณะหลัก ๆ ที่เราเห็นกันทั่วไปเริ่มจาก

1.ขนาดเล็ก ๆ พื้นที่ 1 เมตร ถึง 2 เมตร เป็นเหมือนรถเข็น สามารถเคลื่อนที่ได้ ขายกาแฟซึ่งจะเน้นขายกาแฟเป็นตัวหลัก สถานที่ที่พบส่วนมากก็ตามตลาดท้องถนน และปัจจุบันมีการออกแบบหน้าตาให้ดีขึ้น และมาอยู่ในพื้นที่ของศูนย์การค้า ตามมหาวิทยาลัยตามย่านธุรกิจ ซึ่งขนาดของร้านถือว่า เป็นการใช้งบประมาณลงทุนไม่สูงเกินไปในการเริ่มต้น

2.ขนาดกลาง ซุ้มขนาดพื้นที่ 2 -20 ตารางเมตร ส่วนมากจะเป็นแบบที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ซึ่งเน้นขายกาแฟ แต่ก็ขณะเดียวกันก็อาจมีสินค้าอื่นร่วมด้วย เช่น เครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ นม ฯลฯ รวมถึงเบเกอรี่ ฯลฯ พื้นที่หรือชนิดร้านขนาดนี้สามารถที่จะมีมุมให้ลูกค้านั่งได้ อาจเคาน์เตอร์บาร์เล็ก ๆ ชุดโต๊ะนั่งทาน 2 – 3 คน หรือถ้ามีเนื้อที่รอบร้านเยอะ ๆ ก็สามารถจัดโต๊ะเพิ่มได้อีก สถานที่ที่พบส่วนมาก ร้านชนิดนี้จะพบตามศูนย์การค้า มินิมาร์ท ปั๊มน้ำมัน ตามแหล่งธุรกิจ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถานที่เป็นหลัก ถ้างานภายในก็อาจเป็นเคาน์เตอร์ และมีที่นั่งหลายชุด ถ้าเป็นงานข้างนอก ก็อาจจะเป็นซุ้ม หรือมีหลังคากันแดดฝน ขนาดของร้านนี้ก็ใช้งบประมาณลงทุนมากกว่าขนาดแรก

3.ขนาดใหญ่ ร้านกาแฟที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 20 ตารางเมตร ขึ้นไป ชนิดของร้านขนาดใหญ่นี้ ค่อนข้างจะมีความหลากหลายของสินค้า มีให้เลือกเยอะขึ้น เช่น กาแฟก็มีรสชาติมากขึ้น ร้อน – เย็น – ปั่น ฯลฯ ส่วนมากจะขายคู่กับเบเกอรี่ ร้านขนาดใหญ่จะมีสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาเป็นช่วง ๆ เพื่อเป็นจุดขายเพิ่มสีสัน รสชาติ และการ Design ในร้านขนาดใหญ่นี้ จะค่อนข้างสำคัญมาก ๆ เพราะถ้าร้านใหญ่ แต่ภายในออกแบบไม่ดึงดูดก็จะทำลายจุดขายได้ เพราะพฤติกรรมลูกค้าที่จะเข้ามาในร้าน ส่วนมากไม่ได้มานั่งดื่มหมดแล้วเดินไป แต่มานั่งคอยติดต่องาน ทำงานซึ่งถ้าเข้ามาแล้วให้ความรู้สึกที่ดีต่อลูกค้าแล้ว จะทำให้ลูกค้ามาบ่อยขึ้น และร้านกาแฟขนาดใหญ่นี้ยังต้องมีองค์ประกอบอื่น ๆ มาช่วยด้วย เช่น มีอินเตอร์เน็ท ซึ่งเราจะเห็นกันมากในอินเตอร์เน็ท ซึ่งเราจะเห็นกันมากในอินเตอร์เน็ทคาเฟ่ ในบ้านเรา ปัจจุบันจึงมีเกิดขึ้นมากมาย สถานที่ที่เราจะพบร้านขนาดใหญ่ส่วนมากตามพื้นที่ศูนย์การค้า ออฟฟิศ แหล่งธุรกิจแหล่งท่องเที่ยว แหล่งชุมชน ฯลฯ ซึ่งจะอยู่ภายในตัวอาคารมากกว่างบประมาณการลงทุนคร่าว ๆ ในการออกแบบตกแต่งร้านชนิดขนาดเล็กค่าออกแบบและตกแต่งประมาณ 25,000-50,000 บาทชนิดขนาดกลางค่าออกแบบและตกแต่งประมาณ 150,000-500,000 บาทชนิดขนาดใหญค่าออกแบบและตกแต่งประมาณ 500,000 บาทขึ้น

จริง ๆ แล้ว ชนิดหรือขนาดของร้านนั้นมีมากกว่า ที่กล่าวมาข้างต้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลัก ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่หลัก ๆ ก็คือ งบประมาณ จะเป็นตัวกำหนดชนิดหรือขนาดของร้านนั้น ๆ การพิจารณาค่าใช้จ่ายในการออกแบบปัจจัยในการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการออกแบบ

1.กลุ่มลูกค้า – ทำเลเช็คว่าลูกค้ากลุ่มไหน คือ เรารู้ว่าเราขายใคร คนกลุ่มไหน เราสามารถรู้พฤติกรรม ความต้องการได้ไม่ยาก และปรับเข้าหาลูกค้า เพราะกลุ่มลูกค้าก็จะเป็นตัวกำหนดราคาสินค้าของเราได้ ทำเลก็มีผลต่อการออกแบบ คือต้องให้สอดคล้องกับย่านนั้น ๆ หรือมีเอกลักษณ์ที่ไม่ขัดแย้งกับกลุ่มลูกค้า

2.ขนาดของร้าน + งบประมาณเมื่อเราได้กำหนดขนาดความชัดเจนของร้าน แล้วกับงบประมาณที่ตั้งไว้อย่างชัดเจน3.สินค้าในงานมีอะไรบ้างเช่น มีกาแฟกี่ประเภท อะไรบ้าง มีอะไรเข้ามาร่วมด้วย เช่น ขนมปังปิ้ง – นม ฯลฯเมื่อเราได้ข้อมูลหรือ Concept แล้ว ก็มาดูเรื่อง Style หรือรูปแบบที่ชอบและสนใจ สีสันรายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นข้อมูลในการออกแบบวัสดุ อุปกรณ์ในการตกแต่งอะไร? ที่เป็นตัวผันแปรของค่าใช้จ่ายในการออกแบบ

วัสดุในการตกแต่งก็เป็นปัจจัยที่กำหนดค่าใช้จ่าย เพราะราคาสูง-ต่ำ ขึ้นอยู่กับวัสดุด้วย ถ้าจะให้ดูสวยงามก็เลือกใช้แบบดีหน่อย ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นรวมถึงความแข็งแรงด้วย วัสดุจึงเป็นตัวแปรค่าใช้จ่ายในการออกแบบของท่านด้วยรายละเอียดต่าง ๆ ในการออกแบบ เช่น รายละเอียดในการใช้งาน คือ ความต้องการของเจ้าของร้าน ที่อยากให้ร้านสามารถทำโน่น-นี่อะไรได้มาก ๆ เพิ่ม Function การใช้งานก็จะเป็นตัวแปรที่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายในการออกแบบเมื่อเราได้ข้อมูล หรือ คอนเซ็ปท์ แล้วก็มาดูเรื่องสไตล์ หรือรูปแบบที่สนใจ สีสันรายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้ จะเป็นข้อมูลในการออกแบบ วัสดุ อุปกรณ์ในการตกแต่งสไตล์ในการตกแต่งร้านกาแฟ

ไม่ได้มีข้อจำกัดตายตัวว่าจะเป็นสไตล์ไหน เพราะมีมากมายหลากหลายขึ้นอยู่กับความเหมาะสม แต่หลักที่เราพบเห็นส่วนใหญ่ ร้านกาแฟส่วนมากจะนิยมกัน ซึ่งจะยกตัวอย่างให้เห็นกัน 2 สไตล์

1. สไตล์แนวธรรมชาติ บรรยากาศสบาย ๆ (Country)

วัสดุที่ใช้ตกแต่งส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุจาก ธรรมชาติไม้ หิน ทราย หรือ แม้แต่โทนสีที่ใช้ก็ใกล้เคียงกับธรรมชาติ เหมือนจำลองธรรมชาติเข้ามาไว้ในร้าน บรรยากาศจะสบาย ๆ สไตล์นี้จึงเหมาะกับร้านที่อยู่ตามท้องถิ่น – ชานเมือง มากกว่าในเมือง แต่ก็สามารถอยู่ในเมืองได้ ก็ต้องออกแบบให้สอดคล้องกับสถานที่นั้น ๆ

2. แนวสมัยใหม่ ๆ (Modern)

งานแนวนี้ ปัจจุบันจะเห็นมาก เพราะสามารถปรับใช้ให้กลมกลืนกับงานทั่วไปได้ วัสดุที่ใช้ก็มีมากมายหลากหลาย ทั้งไม้ ทั้งโลหะ ฯลฯ มีลูกเล่นมาก สไตล์นี้จะเน้นความเรียบง่าย + การตัดทอนงานให้ดูลงตัว โดยใช้สีเป็นตัวหลัก

- สีอ่อน สว่างสดใส ดูเบา ๆ สบาย ๆ

- สีเข้ม ให้มีน้ำหนัก จุดเน้น จุดรองดังนั้นสไตล์ในการออกแบบจึงไม่มีข้อสรุปตายตัว ขึ้นกับความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการส่วนดีในการออกแบบ

เป็นการสร้างเอกลักษณ์ของร้าน ให้คนจดจำได้ง่าย รวมถึงเป็นการสร้าง บรรยากาศ ให้ลูกค้ารู้สึกดีและยังเป็นตัวเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย และคงจะถูกใจคอกาแฟหลาย ๆ ท่านปัญหาในการออกแบบ

- ความไม่แน่นอนของสถานที่ ปัญหาที่เกิดขึ้นหน้างาน งบประมาณที่จำกัด

- ความหลากหลายของลูกค้าที่ยังไม่มีข้อสรุป

- ระยะเวลาที่รวดเร็วชนิดเร่งด่วนเป็นตัวปิดกั้นความคิดในการออกแบบแนวทางการแก้ไข

ควรจะมีการสรุปสถานที่ที่ชัดเจน สรุปความคิดของลูกค้าที่หลากหลาย โดยการชี้แจงให้เห็นภาพรวมถึงการ เปรียบเทียบให้เห็นภาพที่ชัดเจนต้องจัดระบบ ความคิดวางแผนเป็นขั้นตอน เป็นเรื่อง ๆ รวมถึงเวลาที่พบเหมาะ ในการหาข้อมูลเสริมในการ ออกแบบ ถ้าอยากได้แบบดี สวยก็ใช้เวลาเพิ่มขึ้น เหล่านี้เป็นการอธิบายให้เจ้าของ ร้านทราบ และร่วมกันแก้ไขหาข้อสรุปต่อไป


ที่มา : หนังสือโอกาสธุรกิจ & แฟรนไชส์ โดย บริษัท แฟรนไชส์โฟกัส


 

29.9.12

ร้านกาแฟสดต้นทุนต่ำคืนทุนเร็วแบบมืออาชีพ

แฟรนไชส์กาแฟสด บริการเปิดร้านกาแฟสด/บริการร้านกาแฟสดต้นทุนต่ำคืนทุนเร็วแบบมืออาชีพ ฟรีค่าแฟรนไชส์และค่าธรรมเนียมต่างๆตลอดชีพ ฝึกอบรมให้ฟรีๆ

เงินล้าน เริ่มต้นจาก 1 บาทเสมอ ดังนั้นการที่จะเก็บเงินเป็นล้านได้นั้นก็ต้องเริ่มต้นเก็บที่ 1 บาท, 10 บาท, 20 บาท ไปเรื่อยๆเงินจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยตามกาลเวลา

ถึงแม้ร้านกาแฟสดจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กก็ตาม แต่ธุรกิจนี้สามารถเก็บเงินสดๆได้ในทุกๆวัน(กรณีขายทุกวัน) มูลค่าตลาดร้านกาแฟสดโดยรวมทั้งประเทศในปีหนึ่งๆหลายพันล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นเรื่องไม่แปลกที่คุณสามารถสร้างเงินล้านได้จากธุรกิจเล็กๆอย่างร้านกาแฟสดของคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะเก็บเงินจากหลักสิบก็ตาม ( กาแฟแก้วละ 20-40  บาท ) แต่ทว่าถ้ายอดคุณขายได้มากในวันหนึ่งๆจำนวนเงินหรือยอดขายมันก็จะเพิ่มตาม จากเก็บสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่นเป็นแสน และเป็นล้านในที่สุด

ขายกาแฟแก้วละ  20    บาท( โดยทั่วไปขายแก้วละ 20-40 บาท ขึ้นอยู่กับทำเลของแต่ละคน ) ในแต่ละวันเฉลี่ยขายได้ประมาณ 100  แก้ว ( ยังไม่ได้รวมยอดขายเมนูอื่น ) จะมียอดขายต่อวัน  2,000 บาท กรณีขาย 1 เดือนโดยไม่มีวันหยุด คุณก็จะมีรายได้  2,000x30 = 60,000 บาท  ยอดขาย  1 ปี = 60,000x12 = 720,000 บาท ในสิ้นปีที่ 5 คุณจะมีรายได้  720,000x5 = 3,600,000 บาท นี่คือรายได้โดยประมาณการ อาจจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและศักยภาพของแต่ละคนและการนำเอาความคิดสร้างสรรค์มาเติมลงในธุรกิจ นี่คือธุรกิจเงินล้านที่คุณๆสามารถสร้างได้ด้วยมือของตัวเอง การมีธุรกิจเป็นของตัวเองเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง ถึงแม้ร้านกาแฟสดจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กก็ตาม ซึ่งจะแตกต่างจากการเป็นลูกจ้างหรือข้าราชการที่ต้องคอยอยู่ภายใต้การกำกับบังคับบัญชาของเจ้านายหลายคน การเป็นเจ้าของธุรกิจ ทั้งอิสระเป็นเจ้านายของตัวเอง มีเวลาเป็นของตัวเอง ไม่ต้องรีบร้อน ใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างธุรกิจได้อย่างเต็มที่ ทุกคนสามารถทำได้ เพียงแต่ ณ วันนี้คุณได้ดึงเอาความสามารถศักยภาพของคุณทั้งหมดออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์และทำเงินกับตัวคุณหรือยัง? ช่องทางการทำเงินมีหลากหลายวิธีที่สุจริต

ร้านกาแฟสดก็เป็นอีกช่องทางทำเงินอีกช่องทางหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ด้วยมือของคุณ ซึ่งคุณอาจจะลงมือขายเอง หรือจ้างพนักงานขายก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับวิธีการรวมถึงการบริหารและการจัดการที่ชาญฉลาดของแต่ละคน ซึ่งจุดนี้อาจจะเป็นตัวชี้วัดได้ว่าใครที่ทำร้านกาแฟสดแล้วได้เงินล้านหรือได้เงินร้อย ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล คงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกๆคนที่ทำร้านกาแฟสดแล้วรวยกันทุกๆคนหรือขายได้เงินเป็นล้านกันทุกคน ธุรกิจทุกชนิดมีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ประสบความล้มเหลว ร้านกาแฟสดก็เฉกเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละบุคคล สินค้าเหมือนกันแต่คนขายต่างกัน ความสำเร็จก็แตกต่างกันออกไป นี่คือสัจธรรมที่พบเห็นได้ทั่วๆไปในทุกธุรกิจ 

ดังนั้นจึงพยายามย้ำทุกท่านอยู่เสมอว่า ท่านเป็นเจ้าของร้านกาแฟสดแล้ว ต้องทำร้านกาแฟสดแบบไม่ธรรมดา สร้างจุดเด่นให้กับธุรกิจ ในเมื่อสินค้าทุกอย่างดีมาตรฐานทั้งหมดแล้ว ต้องรักษามาตรฐานทุกอย่างให้ได้คงที่ เติมไอเดียสร้างสรรค์ กลยุทธ์เทคนิคต่างๆในการเอาชนะใจลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการร้านกาแฟสดของท่าน พูดง่ายๆก็คือการสร้างเสน่ห์มัดใจลูกค้าให้กลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการสร้างเทคนิคหรือกลยุทธ์ของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันออกไปตามความคิดสร้างสรรค์ นี่คือการพัฒนาธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถทำเงินเป็นกอบเป็นกำได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มใดๆหรือลงทุนแต่ไม่มาก แต่ผลตอบรับมากกว่าที่คุณคิดหลายเท่าตัว

จากกาแฟแก้วละ  20 บาท นี่แหละทำให้คนมีเงินเป็นล้านได้อย่างสบายๆ ( ต้องรู้จักการบริหารและการจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ) ที่นำมากล่าวไว้ ณ ที่นี้ เป็นการสะท้อนภาพให้เห็นตัวเลขเพียงคร่าวๆ ซึ่งยังไม่มีการหักค่าใช้จ่ายอื่นๆที่แปรผัน เช่น ค่าพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ฯลฯ

วันนี้จงทำร้านกาแฟของคุณธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา แล้วคุณจะรับเงินได้อย่างต่อเนื่องตลอดไป เงินล้านอยู่ไม่ไกลจากมือของคุณ

Tag : coffeemade.com

 

เจาะลึก เรื่อง การเปิดร้านกาแฟ (1)

เจาะลึก เรื่อง การเปิดร้านกาแฟ 

ธุรกิจกาแฟ กำลังอยู่ในกระแสนิยมมากที่สุดในขณะนี้ มีผู้ที่สนใจทำธุรกิจนี้มากมาย ถึงแม้ว่าตลาดยัง สามารถที่จะ ขยายตัวได้อีกมากก็ตาม แต่ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ ก็ต้องมีฝีมือในการดำเนินงานเหมือนกัน จึงสามารถจะอยู่รอด เรื่องราวของการเจาะลึก การเปิดร้านกาแฟ จะทำให้คุณได้รู้ว่า เรื่องของเมล็ดพันธุ์ หลักในการออกแบบร้าน ความรู้เรื่องเครื่องกาแฟ การบริหารการจัดการร้าน และรวมไปถึงการสร้างเมนูกาแฟต่าง ๆ

ความรู้เรื่องเมล็ดพันธุ์

จุดกำเนิดของกาแฟเล่ากันว่า มาจากประเทศเอธิโอเปีย แต่บางตำราก็กล่าวกันว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเยเมน ซึ่งกาแฟในโลกนี้ มีหลากหลายสายพันธ์ และปลูกได้ดีในบริเวณแถบเส้นศูนย์สูตรของโลก ซึ่งคุณภาพของกาแฟ ที่มีชื่อเสียงก็มาจากแหล่งปลูกที่ต่าง ๆ ของโลกนั่นเอง จนกระทั่งเราสามารถแบ่งประเภทของกาแฟตามแหล่งปลูกได้ เช่น กาแฟบราซิล ซึ่งเป็นแหล่งที่ปลูกกาแฟได้มากที่สุดในโลก หรือแหล่งปลูกในเขตอเมริกากลาง เช่น โคลัมเบีย เป็นต้น หรือแหล่งปลูกในเขตตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ ประเทศเยเมน เอธิโอเปีย และเคนย่า หรือในแหล่ง ปลูกของประเทศที่เป็นเกาะ เช่น จาไมก้า เป็นต้น ส่วนแหล่งปลูกในเขตเอเชีย ก็ได้แก่ ประเทศอินโดนีเชีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ และไทยสำหรับปริมาณการผลิตกาแฟของโลกนั้น สามารถเรียงตามลำดับ ได้ดังนี้ คือ

1. กลุ่มประเทศบราซิล ผู้ผลิตอันดับ 1 ของโลก ผลิตประมาณได้ 1.6 ล้านตัน/ปี

2. กลุ่มประเทศเอเชีย ผลิตได้ประมาณ 1.3 – 1.5 ล้านตัน/ปี

3. ประเทศเขตแอฟริกา ผลิตได้ประมาณ 1 ล้านตัน/ปี

4. โคลัมเบีย ประเทศผู้ผลิตอันดับ 2 ผลิตได้ ประมาณ .72 ล้านตัน/ปีดังนั้นการที่เราได้ยินชื่อเมนูกาแฟ ว่ากาแฟบราซิล กาแฟโคน่า... ซึ่งก็หมายถึงแหล่งปลูกนั่นเอง

กาแฟที่มีชื่อเสียง

กาแฟ คอฟฟาลิกา จะเป็นกาแฟ ที่มีชื่อเสียงของทางยุโรป กาแฟโคลัมเบียก็เป็นกาแฟ ที่มีชื่อเสียงมากของโลก และที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ บลูเม้าเทน ก็มาจากจาไมก้าซึ่งผลิตได้น้อย แต่ก็มีชื่อเสียงมาก กาแฟฮาราก็ปลูกมากที่ประเทศเอธิโอเปีย กาแฟชวาก็ปลูกมากที่อินโดนีเซีย ส่วนกาแฟมอคค่าก็มีแหล่งปลูกที่ประเทศเยเมน

กาแฟไทย

กาแฟถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ประเทศไทยผลิตกาแฟได้มากในแถบเอเชีย ซึ่งมีผลผลิตเป็นรองจากเวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งเมื่อเทียบกับผลผลิตของโลกทั้งหมด เราสามารถผลิตประมาณ 8 หมื่นตัน/ปี คิดเป็น 1.2-1.3% ของทั้งหมดเท่านั้น แต่ผลผลิต 90-95% เป็นสายพันธุ์โรบัสต้า กาแฟที่ผลิตได้เราบริโภค ภายในประเทศ 30,000 – 50,000 ตัน ที่เหลือประมาณ 50,000 – 55,000 ตัน จะส่งออกขายไปยังประเทศ อเมริกา เกาหลี เนเธอแลนด์ ญี่ปุ่น และโปแลนด์ เป็นต้น ซึ่งการส่งออก มีทั้งประเภทที่แปรรูปแล้ว และส่งเป็นเมล็ดกาแฟ ที่มีโรงงานกาแฟยี่ห้อดัง ๆ อยู่ตามจังหวัดภาคใต้ ที่เปิดบริษัทรับซื้อเมล็ดกาแฟ แล้วนำมาคั่วบด หรือทำเป็นกาแฟสำเร็จรูปส่งจำหน่าย การปลูกกาแฟในประเทศไทย มีมานานกว่า 20 ปีแล้ว

สายพันธุ์ของกาแฟ

ก่อนที่คุณจะทำธุรกิจกาแฟนั้น คุณจะต้องรู้จักสายพันธุ์กาแฟก่อน สายพันธุ์กาแฟในโลกนี้มีอยู่ 4 สายพันธุ์คือ อาราบิก้า โรบัสต้า เอ็กซิล่า และเบอริก้า แต่สายพันธุ์ที่ปลูกได้มากในประเทศไทย มี 2 สายพันธุ์ คือ โรบัสต้า และอาราบิก้า เพราะก่อนที่คุณจะซื้อกาแฟคุณจะต้องถามผู้ขายว่าใช้กาแฟ สายพันธุ์อะไร กาแฟพันธุ์อาราบิก้านั้น จะมีความหอมชวนดื่ม ปลูกมากทางภาคเหนือ เพราะชอบอากาศเย็น ปลูกที่เชียงใหม่มากที่สุดและมีที่แม่ฮ่องสอน ตาก เชียงราย ผลผลิตผลิตได้ 800-850 ตัน/ปี คิดเป็น 4-5% ของที่ผลิตได้ในประเทศเท่านั้น เพราะพื้นที่ที่มีอากาศเย็นของบ้านเรามีน้อย ส่วนสายพันธุ์โรบัสต้า จะมีกลิ่นหอมน้อยกว่า อาราบิก้า ปลูกได้มากทางภาคใต้ของประเทศ คือ จังหวัด ระนอง ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช ผลิตได้ประมาณ 95% ของผลผลิตทั้งหมดของประเทศ

ตลาดกาแฟ

การจำหน่ายกาแฟ จะแบ่งเป็น 3 กลุ่มด้วยกันคือ
1. กาแฟคั่วบด คือกาแฟสำหรับตลาดระดับบน เป็นกาแฟเมล็ดที่คั่วแล้ว และนำมาบดชงให้ลูกค้าดื่ม ในการทำธุรกิจตลาดนี้มักใช้ สายพันธ์อาราบิก้า นำมาคั่วบดซึ่งจะมีความหอมชวนดื่มมากกว่า ธุรกิจตลาดระดับพรีเมี่ยมนั้นเกิดมาเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แต่มาในช่วง 2-3 ปีหลังนี้มีการขยายตัวชัดเจนและเร็วมากกว่า 6 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2540 ธุรกิจนี้กำลัง อยู่ในกระแสนิยมเป็นแฟชั่น ซึ่งตลาดยังเปิดกว้าง แต่ประเด็นสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจธุรกิจนี้จะต้องตระหนัก ก็คือจำนวนกลุ่มเป้าหมายมีน้อย ซึ่งเป็นกลุ่มคนชั้นกลางขึ้นไป ซึ่งมีเพียงร้อยละ 20 ของประชากร ซึ่งนับว่า เป็นจุดที่มีความเสี่ยงในการลงทุน ดังนั้นก่อนที่คุณจะเปิดร้านจะต้องมีการทำการศึกาพฤติกรรมของผู้บริโภค ในบริเวณนั้นให้แน่ใจเสียก่อนว่า จะมีกลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้บริการร้านของคุณมากพอ คุ้มค่ากับการลงทุนของคุณหรือไม่ นอกจากนี้ภาวะการแข่งขัน เป็นอีกข้อหนึ่งที่คุณต้องคิดถึง เพราะถ้าหากมีร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยมที่มีทุนสูงและมีความสามารถในการดำเนินงานที่ดีกว่า จะทำให้การแข่งและเกิดความเสี่ยงเช่นกัน ถึงแม้ตลาดนี้ยังมีโอกาสที่กว้างอยู่ แต่การแข่งขันจะทำให้เกิดการคัดเลือกเฉพาะรายที่ดีที่สุด และมีจุเด่นของตัวเอง เท่านั้นที่จะอยู่ได้
2.กาแฟผงสำเร็จรูป เป็นกาแฟผงที่ใช้ชงกันตามบ้าน ซึ่งมีการบริโภคกันมากที่สุด3.กาแฟพร้อมดื่ม คือกาแฟกระป๋อง

ปัจจัยที่มีผลต่อรสชาติของกาแฟถ้าหากร้านของคุณจะชงกาแฟได้อร่อยกว่าร้านของคนอื่น คุณจะต้องทราบว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อรสชาติของกาแฟ ซึ่งก็มี 5 ส่วนก็คือ

1.ชนิดของกาแฟ
2.การคั่วบด
3.วิธีการชง
4.ส่วนผสมพิเศษต่าง ๆ หรือ สูตรกาแฟ
5.

การเก็บรักษา
1. ชนิดของกาแฟการเลือกกาแฟ ผู้ขายจะต้องเรียนรู้ว่ากาแฟอะไร มีกลิ่นหอม และรสชาติที่แตกต่างกันอย่างไร และใช้กาแฟบด หรือกาแฟสำเร็จรูป ในกลุ่มของกาแฟคั่วบด จะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆคือ

- สเตรทคอฟฟี่ (Straight coffee) หมายถึง พันธุ์อาราบิก้าแท้ 100% ที่มาแหล่งปลูกเดียวกัน เช่น บราซิล เคนย่า จาไมก้า บลูเม้าเท่น เป็นต้น

- คอฟฟี่ แบล็นด์ เป็นการใช้กาแฟผสมกัน เช่น พันธุ์อาราบิก้าผสมกับ โรบัสต้า หรือใช้พันธุ์อาราบิก้า 2 ชื่อขึ้นไปผสมกัน

2. การคั่วบดกาแฟที่มีรสชาติอ่อน และรสเข้มนั้น เกิดจากการคั่วบด และวิธีการบดหยาบหรือละเอียด ก็เป็นตัวแปรอีกอันหนึ่งของรสชาติของกาแฟแตกต่างกัน กาแฟที่บดหยาบ รสชาติจะอ่อนกว่า กาแฟที่บดละเอียด ก่อนบดกาแฟทุกครั้ง ขอให้คุณแน่ใจว่าเป็นชนิดไหน เพื่อให้ได้ขนาดของเกล็ดเหมาะกับอุปกรณ์ โดยหลักของการบดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาของน้ำชงผ่านกาแฟเพราะฉะนั้น เวลาที่ใช้ในการชงกาแฟ ยิ่งเร็ว เกล็ดของกาแฟ จะยิ่งละเอียด หรือเวลาที่ใช้ในการชงกาแฟยิ่งช้าเกล็ดของกาแฟจะยิ่งหยาบ

3. วิธีการชง

วิธีการชงกาแฟจะมีหลายแบบด้วยกัน คือแบบกระดาษกรอง แบบใช้แรงดัน หรือแบบเครื่องชงอัตโนมัติ ซึ่งวิธีการชงก็จะมีผลที่ทำให้รสชาติของกาแฟออกมาไม่เหมือนกัน จุดเริ่มต้นของวิธีการชงในปี ค.ศ.1300 กาแฟมีการนำเมล็ดกาแฟดิบมาคั่ว แล้วต้มดื่มทั้งเม็ด ยังไม่มีการบด

ต่อมามีการนำเม็ดที่คั่วมาตำให้แตกเป็นผงแล้วนำไปต้มน้ำให้เดือด แล้วดื่มทั้งกาแฟที่แช่อยู่ในน้ำ ซึ่งยังไม่มีการกรองต่อมาพบว่าการต้มพร้อมดื่มมีรสชาติที่เข้มเกินไป จึงกรองผงกาแฟออกเป็นน้ำกาแฟที่มีรสอ่อนลง แต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยม จนกระทั่งปี ค.ศ. 1710 ชาวฝรั่งเศส มีการคิดค้นวิธีการชงกาแฟแบบใหม่ คือ การนำน้ำร้อนไปเทผ่านกาแฟคั่วบด ด้วยการนำกาแฟคั่วบดใส่ถุงผ้าที่ขึงปากถุงด้วยลวด แล้วเทน้ำร้อนผ่านถุงผ้า ผลที่ได้ก็คือ น้ำกาแฟมีรสชาติกลมกล่อมลงตัว กลายเป็นที่นิยมแพร่หลายแทนการต้มกาแฟ และหลังจากนั้นก็มีการพัฒนาเครื่องชงกาแฟหลายรูปแบบ โดยใช้หลักการเอาน้ำร้อนผ่านกาแฟ เพื่อสกัดเอารสชาติของกาแฟออกมา

มีเทคนิคแนะนำง่าย ๆ เพื่อให้ชงกาแฟได้อร่อยก็คือ
-ใช้กาแฟคั่วบดที่ใหม่สดเสมอ
-บดกาแฟให้ได้เกล็ดเหมาะกับอุปกรณ์กาแฟที่ใช้ (หยาบ ปานกลาง ละเอียด ผง)
-ใช้ปริมาณให้เพียงพอต่อการชง 1 ถ้วย ปกติกาแฟ 1 ถ้วย ใช้กาแฟคั่วบด 8-10 กรัม แต่ถ้าชงกาแฟ ในน้ำที่กระด้างมาก หรือชงกาแฟที่ใส่นมควรเพิ่มกาแฟคั่วบดให้มากขึ้นเล็กน้อย
-ใช้น้ำสะอาด ปราศจาก ตะกอน สี กลิ่น รส
-น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิเหมาะสมในการชงกาแฟ คือ อุณหภูมิ 94 องศาเซลเซียส หรือน้ำร้อนหลังจากที่เดือดและปล่อยทิ้งไว้สักครู่ ไม่ควรใช้น้ำร้อนที่เดือดจัดชงกาแฟ เพราะจะทำให้ผงกาแฟไหม้ หรือถูกลวกอย่างแรง ทำให้น้ำกาแฟที่ได้จะขม
-กรณีที่อากาศเย็น ควรลวกถ้วยกาแฟให้ร้อนก่อนเทน้ำกาแฟลงไป
-ดื่มกาแฟที่ชงเสร็จใหม่ ๆ
-ไม่ควรนำผงกาแฟที่ใช้แล้วมาชงซ้ำอีก

4. ส่วนผสมพิเศษต่าง ๆ
ชนิดของส่วนผสมของน้ำตาล ครีม ทำให้รสชาติแตกต่างกันออกไป จะเห็นว่าแต่ละร้านมีการเลือกส่วนผสมที่หลากหลาย เช่น คาปูชิโน บางแห่งก็ใช้นมสด บางแห่งให้นมถั่วเหลือง และไซหรับที่ใส่ในกาแฟ ช็อคโกแลต คาราเมล วานิลา น้ำผึ้ง เครื่องเทศ สุรา ไอศกรีม และวิปปิ้งครีมต่าง ๆ สามารถนำมาประยุกต์ทำเป็นสูตรของตัวเองที่ทำให้รสชาติต่างไปจากร้านอื่นได้

5. การเก็บรักษา
กาแฟที่สัมผัสกับอากาศนั้นจะทำให้กลิ่นหมดไปและมีผลต่อรสชาติ ดังนั้นผู้ที่ขายกาแฟจะต้องให้ความสำคัญ ศึกษาวิธีการเก็บรักษา ควรเก็บกาแฟคั่วบดให้อยู่ในภาชนะที่ปิดสนิท วางให้ห่างจากอาหารที่มีกลิ่นแรง ห่างจากแสงแดด และเก็บในอุณหภูมิห้องปกติ ควรเลือกขนาดภาชนะให้เหมาะกับปริมาณกาแฟ เพื่อขจัดช่องว่างของอากาศให้น้อยที่สุด ควรซื้อกาแฟใช้พอใช้ของแต่ละรอบเพื่อให้ได้กาแฟที่ใหม่ สดเสมอ ควรล้างและเก็บรักษาอุปกรณ์การชงกาแฟ ให้สะอาดทั้งก่อนใช้และหลังใช้
อุปกรณ์การชงกาแฟ

การชงกาแฟคั่วบดมีหลักการพื้นฐานง่ายที่ใช้ได้กับทุกอุปกรณ์ ที่สามารถนำน้ำร้อนผ่านเพื่อสกัดเอาน้ำกาแฟที่เต็มไปด้วย รสชาติ ความหอม และความสดจากกาแฟแท้ ไม่มีอุปกรณ์ชิ้นใดที่ถูกระบุว่าเป็นอุปกรณ์ชิ้นที่ดีที่สุด ในการชงกาแฟ ควรขึ้นอยู่กับความสะดวก ความชอบของแต่ละท่านที่มีต่ออุปกรณ์การชงกาแฟชิ้นนั้น ๆ อย่างไรก็ตามเราก็ต้อง รู้จักเครื่องชงของแต่ละประเภทสำหรับการเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม คือ
เครื่องชงกาแฟแบบกรอง

เครื่องชงกาแฟแบบกรอง ประดิษฐ์ขึ้นโดย M.DeBelloy ตัวเครื่องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนบน และส่วนล่าง วิธีการชง เทน้ำร้อนใส่กรอยด้านบนที่มีกาแฟบดปานกลาง บรรจุอยู่ในกระดากรอง น้ำจะไหลผ่าน และค่อย ๆ หยดเป็นน้ำกาแฟที่โถรองด้านล่างกาแฟที่ได้จะถูกใจผู้ที่ชื่นชอบกาแฟบางใส รสชาติกลมกล่อม รสเข้มปานกลาง ปราศจากความมัน แต่จะมีผงกาแฟ เป็นส่วนประกอบตามธรรมชาติ ที่เป็นสไตล์ของเครื่องชงกาแฟแบบกรอง

ในตลาดของเครื่องชงกาแฟแบบกรอง จะมีการผลิตออกมาวางจำหน่ายเป็น จำนวนมากหลากหลายรูปแบบ ให้ได้เลือกตามความต้องการ มีให้เลือกได้ตั้งแต่ตามขนาดของกระดาษกรอง วัสดุที่ใช้ทำตัวกรอง หรือแม้แต่รูปร่างของกรวยที่วางกระดาษกรอง ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มดังนี้
-เครื่องชงกาแฟแบบกรอง กรวยกาแฟทรงโคน
-เครื่องชงกาแฟแบบกรอง กรวยกาแฟทรงลิ่ม
-เครื่องชงกาแฟแบบกรอง กรวยกาแฟทรงท้องแบน

เครื่องชงกาแฟระบบสูญญากาศ (Vacuum)
เทคนิคการชงกาแฟที่น่าตื่นตาตื่นใจ ถูกประดิษฐ์ประมาณปี 1840 โดยวิศวกรชาวสก๊อต Robert Napier ประกอบด้วยกระเปาะแก้ว 2 ใบ พร้อมท่อส่งน้ำ ตัวกรองตรงกลาง และตะเกียงจุดไฟเล็ก ๆ บางครั้งเราเรียกอุปกรณ์ชิ้นนี้ว่า “ไซฟ่อน” หรือ “กาลักน้ำ”

กาแฟที่ได้จากการชงด้วยระบบสูญญากาศนี้ รสชาติของกาแฟที่ได้ ไม่มีความแตกต่างด้วย วิธีการชงกาแฟแบบกรอง กาแฟที่ได้จะบางใส รสชาติ เข้มปานกลาง ปราศจากความมัน และผงกาแฟที่เป็นส่วนประกอบ ตามธรรมชาติที่ควรมี ส่วนความแตกต่างที่ชัดเจนคือ ความซับซ้อนของ กระบวนการชงกาแฟที่เกิดจากการถ่ายเทน้ำ ไปมาระหว่างกระเปาะแก้ว 2 ใบ ซึ่งสามารถสร้าง ความพิศวงให้แก่ผู้พบเห็นได้ไม่น้อย
การเตรียมกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟแบบกรอง
1.เติมน้ำในกระเปาะแก้วใบล่าง
2.ค่อย ๆ ใส่กระเปาะแก้วใบบนพร้อมท่อส่งน้ำไว้บนกระเปาะแก้วใบล่างยึดกระเปาะแก้ว 2 ใบ ให้แน่นติดกันโดยค่อย ๆ กดและบิดกระเปาะแก้ว 2 ใบ ในลักษณะสวนทางกัน
3.จุดไฟที่ตะเกียง วางตะเกียงใต้กระเปาะแก้วใบล่าง ตักกาแฟใส่ในกระเปาะแก้วใบบน
4.หลังจากนั้นน้ำที่ถูกต้มจนเดือดแล้ว จะค่อย ๆ ไหลขึ้นไปละลายกาแฟที่อยู่ในกระเปาะด้านบนตามท่อส่งน้ำ เมื่อน้ำเดือดในกระเปาะล่าง ไหลขึ้นไปในกระเปาะบนเกือบหมดแล้วให้ดับไฟที่ตะเกียง น้ำที่เหลือยังคงไหลอยู่
5.ชงกาแฟกับน้ำในกระเปาะ ด้านบนให้เข้ากัน และให้แน่ใจว่ากาแฟเปียกน้ำทั้งหมดอย่างทั่วถึง
6.เมื่ออุณหภูมิในกระเปาะแก้วใบล่าง เริ่มลดลงในระดับหนึ่งจะทำให้เกิดภาวะสูญญากาศ ขึ้นในกระเปาะแก้วใบล่าง ในภาวะเช่นนี้น้ำกาแฟ ที่อยู่ในกระเปาะ แก้วด้านบนจะถูกดูดลงมา อยู่ใน กระเปาะแก้วใบล่าง และทิ้งกาแฟที่ใช้แล้วไว้ในกระเปาะแก้วด้านบน
7.ค่อย ๆ ดึงกระเปาะแก้ว ด้านบนออก
8.เทน้ำกาแฟที่ได้ในกระเปาะล่าง ในถ้วยกาแฟเสริฟทันที

การชงกาแฟระบบแรงดันไอน้ำ (Espresso Machine)
โดยหลักพื้นฐานการชงกาแฟ ของเครื่องชงกาแฟทั่วไปคือ การนำกาแฟคั่วบดแช่ในน้ำร้อน เพื่อให้กาแฟ ละลายส่วนความแตกต่าง ของเครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่กับ เครื่องชงกาแฟทั่วไปคือ แรงดันไอน้ำ จะขับดันน้ำร้อน ผ่านกาแฟที่บดละเอียด ที่ถูกกดอัดอยู่ในบล็อกกรองออกมาเป็นน้ำกาแฟวิวัฒนาการของเครื่องชงกาแฟระบบแรงดันไอน้ำ

เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่ที่เก่าแก่ที่สุดที่ใช้ตามร้านอาหารและเครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่เล็ก ๆ ที่ใช้กันตามบ้านในสมัยก่อน ใช้หลักการง่าย ๆ คือ น้ำถูกต้มให้เดือดในแทงค์ปิดสนิทเพราะฉะนั้น แทงค์น้ำจะประกอบไปด้วยน้ำร้อนและไอน้ำที่รวมตัวอัดแน่นกันอยู่ ดังนั้นเมื่อเราเปิดวาวล์ที่อยู่ใต้ท่อน้ำ, ไอน้ำที่ถูกกักไว้ในแทงค์จะดันน้ำร้อนออกมาตามช่องวาวล์ที่เราเปิดไว้และพุ่งผ่านกาแฟบดจนกลายเป็นกาแฟเอสเปรสโซ่

ต้นแบบเครื่องชงกาแฟแรงดันไอน้ำหรือเครื่องชงกาแฟ เอสเปรสโซ่เริ่มประดิษฐ์ขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1822 โดย Louis Bernard Rabaut นับตั้งแต่นั้นมาได้มีการนำต้นแบบ เครื่องชงกาแฟแรงดันไอน้ำ นี้มาพัฒนาและปรับปรุงอีก หลากหลายรูปแบบจนกระทั่งปัจจุบัน

ที่มา : หนังสือโอกาสธุรกิจ & แฟรนไชส์ โดย บริษัท แฟรนไชส์โฟกัส


 


 

Brew up a bounty of healthful benefit with coffee

A surprising trend is cropping up among the general population: drinking coffee as a powerful health promoting beverage. Not only does coffee help to boost energy and clarify the mind, research has shown it to be an important source of antioxidants. To maximize the benefit and minimize potential health risk, it is vital for individuals to be selective about the coffee they consume.


Coffee: An unexpected health-giving food
A clue to coffee's exceptional antioxidant content is found in its extreme growing environment and harvesting measures. Thought to have originated near the Horn of Africa, the coffee plant grows in some of the hottest and highest regions in the world, often times near the equator. These severe climates force the coffee plant to create formidable antioxidants that protect it from high levels of ultraviolet radiation.

Research has found that medium-roasted coffee preserves the highest bioactive properties of the bean compared with dark coffee. Whether or not the coffee is caffeinated doesn't appear to influence the antioxidant levels.

As it turns out, coffee is the leading source of antioxidants in the American diet. Joe Vinson, a chemistry professor at the University of Scranton in Pennsylvania notes, "The point is, people are getting the most antioxidants from beverages, as opposed to what you might think." His research team found that a standard adult consumes 1,299 mg of antioxidants daily from coffee compared to 294 mg from tea, the second highest contender. Bananas were next at 76 mg.

Not only is coffee a rich source of antioxidants, it also helps to alleviate other health concerns. Studies have shown that individuals who ingest one to two cups of coffee per day have less depression and anxiety than those who abstain from the beverage. Those struggling with Asthma and type II diabetes also showed improvement when coffee was consumed in moderate amounts on a daily basis.

 

28.9.12

Does drinking coffee reduce the risk of skin cancer?

A recent study published in the journal Cancer Research claims that coffee drinkers may be at a reduced risk of developing basal cell carcinoma, one of the most common types of skin cancer. According to the research, individuals that drink at least three cups of coffee a day have a 20 percent decreased risk of developing this mild form of skin cancer which, while not necessarily deadly, can cause significant disfigurement of skin.

Jiali Han, author of the study and associate professor of dermatology and epidemiology at both Brigham and Women's Hospital in Boston, and the Harvard School of Public Health, evaluated data on 113,000 men and women, all of who drank three or more cups of coffee a day. She discovered that rates of basal cell carcinoma were 20 percent less among this group compared to those who drank no coffee at all, and that the active substance in question appears to be caffeine.

"Caffeine may help the body kill off damaged skin cells," claimed Dr. Josh Zeichner, an assistant professor of dermatology at Mount Sinai Medical Center in New York, in response to the study's findings. "If you get rid of these cells that are damaged, then they don't have the opportunity to grow and form cancers."

The findings seem to correlate with a 2011 study out of Rutgers University that identified a link between caffeine and skin cancer prevention. According to that research, caffeine appears to be an effective topical treatment for protecting skin against damage caused by excessive exposure to the sun's ultraviolet (UV) rays.


"Although it is known that coffee drinking is associated with a decreased risk of non-melanoma skin cancer, there now needs to be studies to determine whether topical caffeine inhibits sunlight-induced skin cancer," said Allan Conney, Director of the Susan Lehman Cullman Laboratory for Cancer Research about the Rutgersstudy.


23.8.12

Coffee Shop Business Plan

Company Summary

Java Culture, an Oregon limited liability company, sells coffee, other beverages and snacks in its 2,300 square feet premium coffee bar located near the University of Oregon campus. Java Culture's major investors are Arthur Garfield and James Polk who cumulatively own over 70% of the company. The start-up loss of the company is assumed in the amount of $27,680.

2.1 Company Ownership

Java Culture is registered as a Limited Liability Corporation in the state of Oregon. Arthur Garfield owns 51% of the company. His cousin, James Polk, as well as Megan Flanigan and Todd Barkley hold minority stakes in Java Culture, LLC.

2.2 Start-up Summary

The start-up expenses include:

  • Legal expenses for obtaining licenses and permits as well as the accounting services totaling $1,300.

  • Marketing promotion expenses for the grand opening of Java Culture in the amount of $3,500 and as well as flyer printing (2,000 flyers at $0.04 per copy) for the total amount of $3,580.

  • Consultants fees of $3,000 paid to ABC Espresso Services for the help with setting up the coffee bar.

  • Insurance (general liability, workers' compensation and property casualty) coverage at a total premium of $2,400.

  • Pre-paid rent expenses for one month at $1.76 per square feet in the total amount of $4,400.

  • Premises remodeling in the amount of $10,000.

  • Other start-up expenses including stationery ($500) and phone and utility deposits ($2,500).

The required start-up assets of $142,320 include:

  • Operating capital in the total amount of $67,123, which includes employees and owner's salaries of $23,900 for the first two months and cash reserves for the first three months of operation (approximately $14,400 per month).

  • Start-up inventory of $16,027, which includes:

    • Coffee beans (12 regular brands and five decaffeinated brands) - $6,000

    • Coffee filters, baked goods, salads, sandwiches, tea, beverages, etc. - $7,900

    • Retail supplies (napkins, coffee bags, cleaning, etc.) - $1,840

    • Office supplies - $287

  • Equipment for the total amount of $59,170:

    • Espresso machine - $6,000

    • Coffee maker - $900

    • Coffee grinder - $200

    • Food service equipment (microwave, toasters, dishwasher, refrigerator, blender, etc.) - $18,000

    • Storage hardware (bins, utensil rack, shelves, food case) - $3,720

    • Counter area equipment (counter top, sink, ice machine, etc.) - $9,500

    • Serving area equipment (plates, glasses, flatware) - $3,000

    • Store equipment (cash register, security, ventilation, signage) - $13,750

    • Office equipment (PC, fax/printer, phone, furniture, file cabinets) - $3,600

    • Other miscellaneous expenses - $500

  • Funding for the company comes from two major sources--owners' investments and bank loans. Two major owners, Arthur Garfield and James Polk, have contributed $70,000 and $30,00 respectively. All other investors have contributed $40,000, which brings the total investments to $140,000. The remaining $30,000 needed to cover the start-up expenses and assets came from the two bank loans--a one-year loan in the amount of $10,000 and a long-term (five years) loan of $20,000. Both loans were secured through the Bank of America. Thus, total start-up loss is assumed in the amount of $27,680.

    The following chart and table summarize the start-up assumptions.


    Start-up Requirements

    Start-up Expenses

     

    Legal

    $1,300

    Stationery etc.

    $500

    Brochures

    $3,580

    Consultants

    $3,000

    Insurance

    $2,400

    Rent

    $4,400

    Remodeling

    $10,000

    Other

    $2,500

    Total Start-up Expenses

    $27,680

    Start-up Assets

     

    Cash Required

    $67,123

    Start-up Inventory

    $16,027

    Other Current Assets

    $0

    Long-term Assets

    $59,170

    Total Assets

    $142,320

    Total Requirements

    $170,000

    Start-up Funding

    Start-up Expenses to Fund

    $27,680

    Start-up Assets to Fund

    $142,320

    Total Funding Required

    $170,000

    Assets

     

    Non-cash Assets from Start-up

    $75,197

    Cash Requirements from Start-up

    $67,123

    Additional Cash Raised

    $0

    Cash Balance on Starting Date

    $67,123

    Total Assets

    $142,320

    Liabilities and Capital

     

    Liabilities

     

    Current Borrowing

    $10,000

    Long-term Liabilities

    $20,000

    Accounts Payable (Outstanding Bills)

    $0

    Other Current Liabilities (interest-free)

    $0

    Total Liabilities

    $30,000

    Capital

     

    Planned Investment

     

    Arthur Garfield

    $70,000

    James Polk

    $30,000

    All other investors

    $40,000

    Additional Investment Requirement

    $0

    Total Planned Investment

    $140,000

    Loss at Start-up (Start-up Expenses)

    ($27,680)

    Total Capital

    $112,320

    Total Capital and Liabilities

    $142,320

    Total Funding

    $170,000

    2.3 Company Locations and Facilities

    Java Culture coffee bar will be located on the ground floor of the commercial building at the corner of West 13th Avenue and Patterson Street in Eugene, OR. The company has secured a one-year lease of the vacant 2,500 square feet premises previously occupied by a hair salon. The lease contract has an option of renewal for three years at a fixed rate that Java Culture will execute depending on the financial strength of its business.

    The floor plan will include a 200 square feet back office and a 2,300 square feet coffee bar, which will include a seating area with 15 tables, a kitchen, storage area and two bathrooms. The space in the coffee bar will be approximately distributed the following way--1,260 square feet (i.e., 55% of the total) for the seating area, 600 square feet (26%) for the production area, and the remaining 440 square feet (19%) for the customer service area.

    This property is located in a commercial area within a walking distance from the University of Oregon campus on the corner of a major thoroughfare connecting affluent South Eugene neighborhood with the busy downtown commercial area. The commercially zoned premises have the necessary water and electricity hookups and will require only minor remodeling to accommodate the espresso bar, kitchen and storage area. The coffee bar's open and clean interior design with modern wooden decor will convey the quality of the served beverages and snacks, and will be in-line with the establishment's positioning as an eclectic place where people can relax and enjoy their cup of coffee. The clear window displays, through which passerby will be able to see customers enjoying their beverages, and outside electric signs will be aimed to grab the attention of the customer traffic.

    Tag : bplans.

    16.8.12

    Coffeeshop Business Plan

    Executive Summary

    Inspirational Grounds will provide a relaxing, Christian-focused, neighborhood-centered place with freshly roasted coffee, specialty drinks, good books, and music. Inspirational Grounds is the answer to an increasing demand. Our target market wants:

    • Neighborhood businesses in South Central Minneapolis

    • Great coffee at a competitive price

    • A comfortable place to socialize with others with similar interests

    Inspirational Grounds' goal is to provide the community with a social, entertaining atmosphere where Christian neighbors can meet each other in a neutral, non-denominational setting.

    Inspirational Grounds is incorporated as an S corporation. This will shield the owner from issues of personal liability and double taxation.

    This proposal is prepared to obtain financing in the amount of $80,000. The supplemental financing is required to prepare the selected site, purchase equipment, and cover expenses during the first year of operation. The owner will invest $15,000 of her own into the business.

    This financing will allow Inspirational Grounds to successfully open and maintain operations. The large initial capital investment will allow Inspirational Grounds to provide its customers with an inviting atmosphere and quality products. A unique, upscale and innovative environment is required to provide customers with an atmosphere that will create socialization. Successful operation in year one will provide Inspirational Grounds with a customer base that will allow it to be self sufficient in year two.

    Even with our conservative sales forecast, we will maintain a positive cash flow in all months, repay the loan in 12 years, and have a positive net worth over $27,000 by year three. We project that our net profits will increase from $12,000 to over $14,000 over the next three years.


    1.1 Objectives

    Inspirational Grounds' objectives for the first three years of operation include:

    • The creation of a unique, upscale, innovative spiritual environment that will differentiate Inspirational Grounds from local coffee shops.

    • To make Inspirational Grounds the destination for quality coffee in a welcoming atmosphere for people who are serious about their coffee and growing in their spirituality.

    • The formation of an environment that will bring people with diverse backgrounds and interests together in a common forum.

    • To be an active and vocal member of the community, and to provide continual re-investment through participation in community activities and financial contributions.

    • Consistently providing excellent specialty beverages, bakery items, inspirational books, and music.

    1.2 Keys to Success

    The keys to the success for Inspirational Grounds are:

    • The creation of a unique, innovative, upscale atmosphere that will differentiate Inspirational Grounds from other local coffee shops and future coffee shops.

    • Fresh Coffee roasted on-site daily will give customers a unique experience as well as excellent product.

    • Selling beverages and products that are of the highest quality.

    • The creation of an environment that won't intimidate the spiritual seeker. Inspirational Grounds will position itself as an educational resource for individuals wishing to learn about the benefits of growing spiritually.

    • The establishment of Inspirational Grounds as a community hub for socialization and entertainment.

    • Encourage the two most important values in Christianity: love and service.

    1.3 Mission

    As people are becoming more interested in their spiritual side, a neighborhood shop with excellent freshly roasted coffee and non-denominational Christian books and tapes, is a welcomed alternative and/or addition to the local church. Inspirational Grounds is a specialty beverage establishment focused on providing freshly roasted coffee beans, coffee/espresso drinks and information to enhance our customers' spiritual experience. We also understand that coffee drinkers interested in growing spiritually want a destination, not just a location;we provide them with the best of both.

    Our goal is to be the destination for Christian coffee drinkers seeking a non-secular environment in the Twin Cities area. People of all ages and backgrounds will come to enjoy the unique upscale, educational, motivational and innovative environment that Inspirational Grounds provides.

    We believe it is important to remain an active member of the community and to impact our customers' lives in more ways than the selling of specialty drinks.

     

    Tag : bplans

    16.7.12

    เคล็ดลับปรุงกาแฟแคลอรีต่ำ

     

    กาแฟลาเต้ ถ้วยขนาดใหญ่ถ้วยหนึ่งอาจให้พลังงานมากถึง 250-570 แคลอรี ซึ่งหากใครที่ดื่มกาแฟวันละหลายๆ ถ้วย โดยไม่คำนึงถึงแคลอรีเหล่านี้ คุณก็คงจะต้องรับแคลอรีจำนวนไม่น้อยเลย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพแน่ๆ

    ระหว่างวันของการทำงานที่รีบเร่ง กาแฟ ได้กลายเป็นเครื่องดื่มเคียงข้างโต๊ะทำงานของหลายคน ซึ่งบางคนนิยมดื่มกาแฟแทนน้ำเปล่าก็ว่าได้ นับๆ ดูแล้วในแต่ละวันบางคนอาจดื่มมากถึงวันละ 3-4 ถ้วยทีเดียว ซึ่งผลที่ตามมาก็อาจทำให้คุณได้รับคาเฟอีนจากกาแฟเข้าไปเกินพิกัดได้

    ไม่เพียงแต่ได้รับคาเฟอีนมากเกินไปแล้ว กาแฟแต่ละถ้วยที่คุณชงดื่มนั้นยังอาจให้พลังงานสูงเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่ติดใจรสชาติหวานมันหอมหวนของกาแฟที่ผสมทั้งนม ครีม และน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นกาแฟไทยใส่นมข้นที่ขายตามรถเข็นข้างทาง กาแฟภาพลักษณ์หรูหราอย่างคาปูชิโน (cappuccino) ที่อุดมด้วยครีมลอยฟ่อง หรือบางคนนิยมกาแฟผสมนมสด ที่เรียกกันว่า ลาเต้ (latte) แต่ละแบบ แต่ละรสชาติ ก็จะให้พลังงานตามส่วนผสมที่ปรุงเข้าด้วยกัน

    ใน Mayo Clinic Womens HealthSource ได้ยกตัวอย่าง เขาจึงได้แนะเคล็ดลับการดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพ ดังนี้

    หากในแต่ละวันคุณต้องดื่มกาแฟวันละหลายๆ ถ้วย ก็ควรเลือกถ้วยที่มีขนาดเล็กสักหน่อย ซึ่งการใช้ถ้วยกาแฟขนาด 8 ออนซ์ หรือ 12 ออนซ์ แทน mug ถ้วยโตๆ จะช่วยให้สามารถลดพลังงานได้ถึง 110 แคลอรีต่อครั้งเลยทีเดียว

    การเติมความหอมมันให้กับกาแฟด้วยนมสดชนิดพร่องไขมัน (low fat / fat free milk) แทนนมข้น หรือนมสดแบบธรรมดา จะช่วยลดปริมาณพลังงานได้อีกประมาณ 80 แคลอรี และลดไขมันได้ประมาณ 8 กรัมต่อถ้วย

    ใช้สารให้ความหวานแทนการใช้น้ำตาล เพราะถ้าคุณดื่มกาแฟ 5 ถ้วยต่อวัน และใส่น้ำตาล 2 ช้อนในแต่ละถ้วย นั้นเท่ากับว่าคุณจะได้รับแคลอรีเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 150 แคลอรีต่อวัน

    ควรหลีกเลี่ยงที่จะเพิ่ม วิปครีม ช็อกโกแลต น้ำเชื่อม หรือของหวานใดๆ ก็ตามลงในกาแฟของคุณ เพราะสิ่งเหล่านี้มันประกอบไปด้วยแคลอรีจำนวนมากที่จะทำให้คุณอ้วนได้

    ลองนำเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้ไปใช้ในกาแฟถ้วยโปรดของคุณ อาจช่วยลดปริมาณแคลอรีที่จะสะสมในร่างกายได้ไม่น้อยเลยค่ะ

     

    ที่มา : นิตยสาร Health Today

    21.3.12

    พันธุ์กาแฟ (Coffee Varieties)

    พันธุ์กาแฟ (Coffee Varieties)

    ๐ สายพันธุ์กาแฟที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นกาแฟอราบิก้า (Arabica) ทั้งสิ้น........ อาทิ..บลูเมาเทน(Blue Mountian) มอกก้า(Mokka)โคน่า(Kona) ทิปปิก้า(Typica) เบอร์บอน( Bourbon) และ อราบิก้าไทย ความผิดเพี้ยน สับสนในการเรียกชื่อกาแฟ สายพันธุ์ และ ชนิดกาแฟ นับเป็นปัญหายุ่งยาก หากไม่ได้ศึกษา-ค้นคว้า ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ อันนับว่ากว้างขวาง ละเอียดมากมายเกินความเข้าใจที่ถูกต้อง จึงขอประมวลและสรุปย่อพอให้ท่านที่สนใจทราบเป็นพื้นฐาน

    กาแฟที่ปลูกเป็นการค้าในโลกนี้ แบ่งพันธุ์เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้อยู่ 4 กลุ่มคือ..

    1.กาแฟพันธุ์อราบิก้า (Arabica)
    2.กาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta)
    3.กาแฟพันธุ์เอ็กเซลซ่า (Excelsa)
    4.กาแฟพันธุ์ลิเบอริก้า (Liberrica)

    ๐ กาแฟพันธุ์อราบิก้า เป็นกาแฟที่มีความสำคัญมากที่สุด ซึ่งมีผลผลิตประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ของกาแฟที่ปลูกทั่วโลก
    ๐ กาแฟโรบัสต้า มีความสำคัญรองลงมาจากกาแฟอราบิก้า และ คุณภาพด้วยกว่าอราบิก้า
    ๐ กาแฟพันธุ์เอ็กเซลซ่า ไม่มีความสำคัญและปริมาณในทางการค้า เพราะคุณภาพไม่ดี มีกลิ่นเหม็นเขียว
    ๐ กาแฟพันธุ์ลิเบอริก้า เป็นกาแฟพื้นเมืองของแองโกล่า คุณภาพสารกาแฟไม่ดีพอ ไม่เป็นที่สนใจของตลาดและนักดื่ม

    สรุปแล้วก็คือตลาดกาแฟสากลทั่วโลกนี้ มีกาแฟพันธุ์อราบิก้า และ โรบัสต้า สองสายพันธุ์ที่มีจำหน่ายโดยทั่วไป.

    กาแฟอราบิก้า แยกสายพันธุ์ต่างๆ (Arabica coffee varieties) กาแฟอราบิก้ามีโครโมโซม ที่สามารถผสมตัวเองได้ ทำให้มีการผสมภายในสายพันธุ์ (inbreeding) โดยไม่ทำให้เกิดผลเสีย แต่อาจจะมีการแตกผ่าเหล่าขึ้นได้ เกิดเป็นสายพันธุ์ต่างๆหลายสายพันธุ์ พอแยกพันธุ์สำคัญได้ อาทิ

    ๐ พันธุ์ทิปปิก้า (Typica) มีลักษณะเด่นยอดเป็นสีทองแดง ติดลูกห่างระหว่างข้อ มีใบเล็กเรียบ เจริญเติมโตเร็ว แต่ไม่ทนต่อโรคฯลฯ เป็นพันธุ์ดั่งเดิมต้นกำเนิดของกาแฟอราบิก้า เริ่มปลูกในเยเมน แล้วแพร่หลายไปสู่ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย อเมริกาใต้ ฟิลิปปินส์และฮาวาย
    ๐ พันธุ์บลูเมาเทน (Bule Mountion) กลายพันธุ์มาจากพันธุ์ทิปปิก้า นำไปปลูกที่บลูเมาเทนในจาไมก้า มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมบนภูเขาที่สูง เป็นกาแฟที่มีคุณภาพและรสชาติดีมาก เป็นที่ยอมรับของตลาดผู้บริโภค ถือว่าเป็นกาแฟมีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของโลก จึงมีราคาแพงที่สุดเช่นกัน
    ๐ พันธุ์มอกก้า (Mocha หรือ Mokka) เป็นกาแฟส่งออกผ่านท่าเรือ โมช่า(Mocha) ใช้ชื่อการค้าว่า ม๊อกกา (Mokka) ใประเทศ อินโดนีเซีย มีความแตกต่างอย่างมากจากพันธุ์ที่ปลูกในแหล่งเดิม มีเอกลักษณ์กลิ่หอม ผลไม้คล้ายโกโก้ อย่างไรก็ตามพันธุ์นี้มีผลทางเศรษฐกิจน้อยมาก เพราะมีปริมาณผลผลิตจำกัดที่ออกสู่ตลาด
    ๐ พันโคน่า (Kona) เป็นที่รู้จักดีสำหรับคอกาแฟในคุณภาพและรสชาติที่ติดอันดับต้นๆของกาแฟทั่วโลก ตามรูปแบบของกาแฟพันธุ์ทิปปิก้า ได้นำมาจากเมืองริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล มาปลูกในเมืองโคน่า ประเทศฮาวาย ภายใต้ชื่อการค้า "ฮาวายโคน่า"มีราคาที่แพงที่สุดในตลาดโลกเช่นเดียวกับ บลูเมาเทน

    กาแฟอราบิก้ายังแยกพันธุ์ผสมอื่นๆอีกเป็นจำนวนมากมาย คือพันธุ์คาทูร่า (Catura) พันธุ์คาทุย (Catuai) พันธุ์เบอร์บอน (Bourbon) พันธุ์เค้นส์ (Kent)ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะพิจารณาเห็นว่าเป็นชื่อจากแหล่งการเพาะปลูก หรือเมืองที่ปลูก อันมีรายละเอียดและความดีเด่น ในทุกมุมอย่างกว้างขวาง ตามข้อมูลการศึกษา-วิจัย

    กาแฟอราบิก้าไทย

    พันธุ์อราบิก้าชื่อ "คาติมอร์" (CatiMor) เป็นการเรียกชื่อพันธุ์มาจากคำว่า คาทูร่า(Catturra) และ ไฮบริโด เดอ ติมอร์(Hibrido de Timor) เป็นชื่อเรียกตามการผสมข้ามสายพันธุ์ ระหว่างคาทูร่าผลแดง เป็นต้นแม่พันธุ์ และ ไฮบริโด เดอ ติมอร์เป็นต้นพ่อพันธุ์ ผลการผสมระหว่างลูกผสมข้ามชนิด ทำให้ลูกผสมที่ได้มีความต้านทานต่อโรคราสนิม และ ได้ลักษณะทรงเตี้ย ผลผลิตสูง และใช้หมายเลข CIFC 19/1 และ 832/1 ซึ่งกำหนดโดยนักปรับปรุงพันธุ์พืชที่ Centro de Investicao -das Ferrugens de Cafeeiro (CIFC) ในประเทศโปรตุเกส

    สถานีวิจัย CIFC ได้เริ่มแผนการปรับปรุงพันธุ์ในตอนต้นปี พ.ศ.2503 เป็นลูกผสมรุ่นที่ 1 รวมทั้งการศึกษาทดลองผสมพันธุ์กับกาแฟอราบิก้าตัวอื่นๆ อีกจำนวนมากมายหลายรุ่น หลายชั่วอายุสายพันธุ์ และได้นำมาคัดเลือกความต้านทานโรคราสนิม โรคอื่นๆในเมืองไทย รวมทั้งค้นหาศักยภาพในการให้ผลผลิต และ คุณภาพที่ดี ณ โครงการศูนย์วิจัยและพัฒนากาแฟบนที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ของกรมวิชาการเกษตร รวมทั้งหน่วยงานพัฒนาเกษตรที่สูงหลายหน่วยงาน จนเป็นที่ยอมรับว่า พันธุ์กาแฟคาติมอร์ มีคุณภาพดีเหมาะสมแด่การส่งเสริมไปสู่แปลงปลูกของเกษตรกรชาวไทยภูเขา มาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามการศึกษา-วิจัย และติดตามประเมินผล ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นกับการเจริญเติมโต การดูแลรักษา ปรับปรุงบำรุงพันธุ์ก็ยังต้องมีต่อไป.

    ที่มา..พันธุ์กาแฟ จากหนังสือ การปลูกและการผลิตกาแฟอราบิก้าบนที่สูง โดย ศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ (ปี พ.ศ.2537)

    ที่มา : chiangmaicoffee.com