คนไทยส่วนใหญ่นิยมดื่ม “กาแฟเย็น” แบบที่มีส่วนผสมของนมข้นมาช้านาน ตั้งแต่เกือบร้อยปีมาแล้วที่ชงด้วยวิธีต้มกรอง เดี๋ยวนี้หลายคนเรียก “กาแฟโบราณ” เมื่อการใช้เครื่องเอสเปรสโซเป็นที่นิยม เราจึงสกัดกาแฟด้วยเครื่องแต่ยังคงหยอดนมข้นลงไปเช่นเดิม ว่ากันว่าได้กาแฟเข้มข้นหอมอร่อยขึ้น เพราะเครื่องใช้ความดันในการสกัดกาแฟมาก และเมล็ดกาแฟที่ใช้เดี๋ยวนี้ก็ใช้กาแฟ 100% คือไม่ผสมวัตถุดิบอื่นๆ ลงไป แลดูเป็นสากลมากขึ้น จะมีบ้างเป็นส่วนน้อยครับที่ชอบดื่มกาแฟดำเราเรียก “โอเลี้ยง” เมื่อเราจะดื่มในบ้านหรือในสำนักงานเรายังนิยมดื่มเป็นกาแฟสำเร็จรูปที่ต้องใส่ทั้งครีมเทียมและน้ำตาลให้รสชาติไปในทางเดียวกับกาแฟเย็นดังว่า ภายหลังยิ่งง่ายขึ้นอีกเพราะผสมมาให้อร่อยทันใจในแบบ “ทรีอินวัน”
เราก็ดื่มกันอย่างนี้ครับเป็นวัฒนธรรมของเรา เป็นแบบ “ไทยๆ” ฝรั่งมังค่าเข้ามาเยี่ยมเยียนเป็นที่รับรู้กันบางคนได้ดื่มกาแฟเย็นของเราก็ชอบ อีกหลายคนต้องทำการบ้านมาก่อนในการหากาแฟรสสากลดื่มเพื่อความอยู่รอด ผมเกริ่นมายาวยืดเพื่อเข้าเรื่องตรงนี้นี่เองครับว่า ในความเป็นจริงแล้วทางสากลอาจมีวิถีแนวทางการดื่มกาแฟต่างไปจากเราบ้าง คืออย่างน้อยจะไม่นิยมใช้นมข้นทั้งจืดและหวาน จุดนี้เป็นจุดสำคัญครับ เพราะทำให้องค์ประกอบอีกหลายอย่างที่ตามมาพลอยแตกต่างกันไปด้วย ที่สำคัญที่สุดคือ “เมล็ดกาแฟคั่ว” ที่ใช้
ในเมื่อไม่ใช้นมข้น เมล็ดกาแฟคั่วที่ใช้จึงไม่จำเป็นต้องเข้มมากจนไหม้ นมข้นหวานในกาแฟเย็นแบบไทยจะลดความขมไหม้ของกาแฟลงทำให้รสกลมกล่อมมากขึ้น (แต่อาจเป็นความกลมกล่อมแบบขนม) แม้นในบางวัฒนธรรมนิยมใช้นมในกาแฟมากอย่างเช่นวัฒนธรรมอเมริกัน กาแฟจะคั่วค่อนข้างเข้มแต่ก็ไม่ขมไหม้อย่างที่บ้านเรานิยม ยิ่งเมื่อหันไปมองวัฒนธรรมกาแฟในยุโรปหรือโดยเฉพาะในอิตาลียิ่งใช้นมน้อยลงนิยมดื่มแต่กาแฟดำ เมล็ดกาแฟคั่วที่ใช้ยิ่งคั่วอ่อนลงไปอีก
วัฒนธรรมกาแฟที่แตกต่างเป็นเรื่องของสังคม เป็นเรื่องของความนิยม ไม่มีใครดีกว่าใครครับ แต่โดยปกติในการใช้ชีวิตของคนเรา หากแม้นมีโอกาส การได้พลัดหลงไปในวัฒนธรรมที่แตกต่างย่อมทำให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้น เป็นการเปิดโลกทัศน์ เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเรามีอะไรให้เลือกมากขึ้น เป็นเสน่ห์ของการใช้ชีวิต ที่จั่วหัวเรื่องไว้เป็นการเชิญชวนให้ลองดื่ม “เอสเปรสโซ” กันนั้น เป็นการเชิญชวนให้พลัดไปในอีกวัฒนธรรมหนึ่งนั่นเอง
“เอสเปรสโซ” ในความหมายนี้คือ เอสเปรสโซช็อต เป็นน้ำกาแฟจากเครื่องเอสเปรสโซปริมาณแค่ 1 ออนซ์ ในถ้วยใบเล็กๆ แบบที่ชนอิตาเลี่ยนนิยมนักหนา ว่ากันว่าเอสเปรสโซที่แท้จริงจะต้องมีรสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมแรงลึกเข้าไปในโพรงจมูก มีรสเปรี้ยวหวานและขมผสมกันลงตัวกล่อมกลม มีความซับซ้อนซ่อนไปด้วยรสช็อคโกแล้ต ผลไม้ และดอกไม้ ใครที่เคยดื่มเอสเปรสโซที่ดีๆ ย่อมเห็นด้วยในข้อความนี้ แต่ “กาแฟดีไม่เคยเป็นเรื่องง่าย” เอสเปรสโซดีๆ ในเมืองไทยยิ่งหายาก
ผมอุตส่าห์เชิญชวนไว้แล้วย่อมต้องรับผิดชอบด้วยการบอกใบ้เล็กน้อย หากจะเริ่มชิมเอสเปรสโซกันน่าจะลองชิมจากร้านกาแฟเล็กๆ ที่แสดงออกถึงความใส่ใจในกาแฟพอสมควร มีเครื่องไม้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ มีพนักงานที่ถูกฝึกมาอย่างดี หรือหากเจ้าของร้านยืนชงเองยิ่งดี ร้านไหนขายกาแฟร้อนดีมีลูกค้าเยอะ โอกาสจะได้เอสเปรสโซดีย่อมมีสูง ถ้าเป็นลูกค้าร้านใดอยู่แล้วและสัมผัสได้ว่ารสกาแฟไม่ขมไหม้ยิ่งน่าลองสั่งเอสเปรสโซดื่มดู ถ้าร้านไหนใช้กาแฟที่คั่วเข้มสักหน่อยให้ใส่น้ำตาลลงไปช่วยบ้าง สำหรับเชนกาแฟส่วนใหญ่ผมพบว่าเอสเปรสโซมีรสขมมากเพราะในร้านขายกาแฟเย็นกาแฟปั่นมาก ที่เคยดื่มแล้วรู้สึกดีออกชื่อได้มีเชสเตอร์คาเฟ่สาขาฟอร์จูนทาวน์รสชาติเอสเปรสโซใช้ได้แต่น้ำกาแฟมากไปนิดและไม่แน่ใจว่าสาขาอื่นจะเป็นเช่นไร ที่ซีททูคัพเองเราก็พยายามทำเอสเปรสโซให้ได้ดีแต่เรามีสาขาเดียวคงไม่สะดวกสำหรับทุกคน จึงได้แต่เชิญชวนให้ลองกันเมื่อมีโอกาส เป็นกำลังใจให้เสี่ยงสั่งมาดื่มดูบ้าง หากโชคดีได้พบเอสเปรสโซที่ดีอาจเป็นการเปิดโลกแห่งการดื่มกาแฟให้ท่านได้ ใครมีร้านกาแฟที่มีเอสเปรสโซดีๆ จะมาแนะนำแบ่งปันกันก็ขอขอบคุณ แต่ย้ำว่าเป็นเอสเปรสโซนะครับ มิใช่เอสเปรสโซเย็น
ที่มา : vudh.wordpress.com